Wednesday, January 27, 2016

สะสมพลัง

สวัสดีครับ,

ท่านจะรู้หรือไม่ว่าท่ามกลางความหนาวเหน็บในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา มีคนกลุ่มหนึ่งสะสมพลังคลื่นฟ้าในตลาด TFEX บ้านเราอย่างเงียบๆ และตารางด้านล่างนี้คือหลักฐานชิ้นดีครับ

คนกลุ่มนั้นไม่ใช่ใครดอกครับ พวกเค้าคือนักลงทุนต่างชาตินิเอง และแท้จริงแล้วไอความหนาวเหน็บมันก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับการที่เค้ามา ซื้อสะสมสุทธิ” SET50 Index Futures ในตลาด TFEX บ้านเราถึง 4 วันติดดอก เพียงแต่พอไปดูตัวเลขหลงจ้งตั้งแต่ต้นเดือนแล้ว ยอดซื้อสะสมสุทธิเค้าพุ่งทะยานไปถึง 70,895 สัญญา (มูลค่ากว่า 1.4 หมื่นล้านบาท) ซึ่งไม่ว่าจะเป็นการ ปิดสถานะจากการที่เค้าขายสุทธิมาเยอะเมื่อปีก่อน หรือจะเป็นการ เปิดสถานะใหม่ ผมว่ายังไงภาพก็ดูดีขึ้นทั้งนั้นครับ เพราะมันหมายถึงเค้าเริ่มมองภาพทิศทางตลาดหุ้นไทยดีขึ้นแล้ว


อย่างไรก็ดี ผมว่าประเด็นสำคัญอีกเรื่องหนึ่งที่จะกำหนดทิศทางตลาดหุ้นก็คือ ราคาน้ำมัน เพราะกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมีมีมูลค่าตลาดคิดเป็นสัดส่วนถึงเกือบ 1/5 ของตลาดหุ้นไทยครับ แปลว่าถ้าน้ำมันพลิกกลับมาเป็นขาขึ้นได้ SET Index น่าจะวิ่งได้โอ้ลัลล้าเลยละ.. บังเอิญเหลือเกินที่วันก่อนผมได้ไปเจอบทความชิ้นนึงที่น่าสนใจบนเวปไซต์ของ MarketWatch เค้าจั่วหัวไว้ว่า “Here’s how to know if oil prices have hit bottom” โดยสรุปได้ว่าหากพบสัญญาณ 5 ข้อต่อไปนี้ มีโอกาสสูงครับที่จะตีความได้ว่าราคาน้ำมันได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว: 1) การผลิตน้ำมันลดลงและความต้องการน้ำมันเพิ่มขึ้น 2) ราคาน้ำมันวิ่งแรงได้รอบหลังจากที่ถูกขายหนักมานาน 3) ตลาดน้ำมันไม่ตอบสนองต่อข่าวตามที่เราคาด เช่น มีข่าวร้ายออกมาแต่ราคาน้ำมันกลับเด้งสวน (นั่นแปลว่าข่าวร้ายอาจถูก price in ไปมากแล้ว) 4) ทุกคนบอกพร้อมกันว่าราคาน้ำมันจะตกลงไปอีก และ 5) บริษัทน้ำมันประกาศผลขาดทุนหนักหรือถึงขึ้นปิดตัว

ทั้งหมดนี้ถ้าถามความเห็นผม ผมคิดว่ามีอยู่ประมาณ 3 ข้อที่ตรงกับสถานการณ์ในปัจจุบันครับ แล้วยิ่งอากาศหนาวๆ ทั่วโลกแบบนี้ เดี๋ยวคนในตลาดก็จะได้เหตุผลใหม่มาสนับสนุนอีกว่าความต้องการใช้พลังงานเพิ่มขึ้นแล้วนะ อากาศเย็นเจี๊ยบขนาดนี้ อย่างไรก็ดี บางข้อจาก 5 ข้อที่เห็นมันก็เป็นเรื่องของความรู้สึกครับ ซึ่งแต่ละคนอาจจะตีความได้ต่างกันแล้วแต่วิจารณญาณ สุดท้ายแล้วเราก็ทำได้เพียงแค่ ทำนายอย่างมีเหตุผล เพราะคงไม่มีใคร รู้จริงแน่ๆ หรอกครับ


สุดท้าย บทความนี้จะจบลงอย่างสมบูรณ์ไม่ได้เลย ถ้าขาดการอัพเดทเป้าหมายใหม่ไฉไลจากทีมฝ่ายวิเคราะห์บัวหลวงเราครับ โดยคุณปรเมศร์ ทองบัว นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์ ได้หั่นเป้า SET Index ลงเหลือ 1440 จาก 1550 เพื่อสะท้อนประมาณการกำไรของบริษัทจดทะเบียนที่ถูกปรับลดลง (และมีแนวโน้มจะถูกปรับลงอีก) รวมถึงสมมติฐานราคาน้ำมันที่ลดลง (จาก $49/bbl เหลือ $42/bbl) ทั้งนี้ก็อย่าเพิ่งตกใจไป เพราะเป้าใหม่ก็ยังมี upside ราว 11% จาก SET Index ระดับปัจจุบันที่ 1280 ครับ

Wednesday, January 13, 2016

ผันผวนทุกปี



สวัสดีครับ,

เปิดศักราชใหม่ 2559 มา ตลาดหุ้นไทยก็โชว์ความผันผวนให้เห็นซะตั้งแต่ต้นปีครับ ดัชนี SET ได้ลงไปทำจุดต่ำสุดของปีเมื่อวันที่ 11 ม.ค. ที่ 1221 (จากราคาปิดสิ้นปี 2558 ที่ 1288) แล้วก็ดีดกลับขึ้นมายืนเหนือแนวรับทางจิตวิทยาที่ 1260 ได้อีกครั้งเมื่อเช้าวันที่ 13 ม.ค. อย่างไรก็ดี ผมไม่คิดว่าจะมีปีไหนที่ตลาดหุ้นไม่ผันผวน มันผันผวนทุกปี แต่แค่ปีนี้มาแซงแรงโค้งซะตั้งแต่ต้นปีเท่านั้นเองครับ

ความจริงแล้ว หากไปดูในตลาด Futures นักลงทุนต่างชาติได้ซื้อสะสมสุทธิ SET50 Index Futures ถึง 7 วันติดในช่วง 30 ธ.ค.2558 – 11 ม.ค.2559 รวมเป็นยอดกว่า 4.3 หมื่นสัญญา (คิดเป็นมูลค่าประมาณ 8.6 พันล้านบาท) ในขณะที่ขายหุ้นสุทธิในช่วงเวลาเดียวกันเป็นมูลค่าถึง 9.1 พันล้านบาท ตลกไหมละครับ.. ซื้อฟิวเจอร์ส-ขายหุ้น มูลค่าใกล้เคียงกันแถมในช่วงเวลาเดียวกันซะอีก นี่อาจจะเป็น 1 ในสาเหตุที่ทำให้ตลาดผันผวนหนักซะตั้งแต่ต้นปีก็ได้กระมังครับ  



จริงๆ เราไม่มีทางรู้แน่ชัดดอกครับว่าฝรั่งเค้ากำลังทำอะไร สมมติฐานมันก็มีมากมายแล้วแต่คนจะคิด แต่อย่างหนึ่งที่พอจะเดาได้ก็คือเค้าคงจะไม่ได้มองหุ้นไทยแย่มากๆ เหมือนปีที่ผ่านๆ แล้วละครับ ก็แหม เปิดต้นปีมาซื้อสุทธิ SET50 Futures ซะขนาดนั้น (จะเป็น open long หรือ close short ก็ดีทั้งนั้นละครับ) ซึ่งพอไปดูตัวเลขย้อนหลังตั้งแต่ต้นปี 2013 พี่ฝรั่งขายหุ้นไทยสุทธิไปเกือบ 4 แสนล้านบาทแล้วครับ ผมเองก็ไม่รู้ว่าพี่เค้าจะมีขนมาขายอีกมากแค่ไหน แต่พอไปดู valuation ของหุ้นกลุ่มใหญ่อย่าง Bank และ ICT แล้วนั้น ก็พบว่าราคาลงมาจนอัตราผลตอบแทนเงินปันผลอยู่ในระดับที่น่าสนใจ ซึ่งถ้าผมเป็นพี่หรั่ง ผมจะหยุดขายแล้วเริ่มมองหาจังหวะซื้อแล้วละครับ แต่ก็คงเป็นการซื้อเพื่อขายเล่นรอบมากกว่าลงทุนยาวไปเลย เพราะคิดว่าภาพพื้นฐานในระยะกลางของ 2 กลุ่มนี้ยังไม่ได้ดูสดใสมากมายอะไรนัก  


ข้อสรุปของผมก็คือ ตลาดหุ้นไทยปีนี้ไม่น่าจะแย่เท่าปีที่แล้วครับ ลักษณะน่าจะมีคลื่นลมแรงเป็นหย่อมๆ ให้ซื้อขายเล่นรอบได้ ประกอบกับนักลงทุนสถาบันในประเทศเข้ามามีบทบาทมากขึ้นเรื่อยๆ บริษัทจำกัดหลายแห่งเริ่มมีการจัดตั้งกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ซึ่งท้ายสุดก็ต้องมีการกระจายลงทุนไปยังหุ้น สภาพคล่องในประเทศยังเยอะ และดอกเบี้ยนโนบายในประเทศคงไม่น่าจะขึ้นไปจนถึงอย่างน้อยก็ไตรมาส 4 ปีนี้ครับ