Wednesday, February 26, 2014

ไม่ผิดใช่ไหม?

สวัสดีครับ,
เขียนเมื่อ 26 กุมภาพันธ์ 2557

ช่วงนี้ใครมานั่งทำนายตลาดก็คงเหนื่อยอยู่ซักหน่อย บ้างก็ว่า SET Index ทะลุแนวต้านสำคัญและได้เปลี่ยนแนวโน้มเป็นขาขึ้นไปแล้ว บอกอย่างนี้ตั้งแต่สัปดาห์ก่อนแต่ไหงก็ลงพรวดจาก 1330 มาไต่อยู่แถว 1300 ซะงั้น... บ้างก็ว่าตลาดเราขึ้นไม่ได้ดอก ก็แหมเล่นมีข่าวตูมตามรายวันขนาดนั้น มันต้องลง ลง ลง ซิ แต่ไหงแช่งให้ลงยังไงก็ยังเกาะๆอยู่แถว 1300 แน่นเหนียวหยั่งกับเตมังตังเม

เอายังไง?

อย่าหาว่าผมโง้นงี้เลยครับ ขนาดทีม US Equity Strategy ของ Morgan Stanley เองยังออก research ฉบับล่าสุดเมื่อวันจันทร์แนวตัดพ้อว่าเมื่อปี 2011 เค้าคอลตลาดไม่ค่อยดี ซึ่งถูก; ปี 2012เค้าคอลตลาดไม่ค่อยดีอีกเช่นกัน แต่ผิด; ปี 2013เค้าคอลตลาดดี ซึ่งกลับมาถูกใหม่; ส่วนปีนี้ 2014 เค้าคอลตลาดดี... แล้วมันจะผิดไหม?

คือเค้ากำลังสงสัยว่ามันอาจจะเป็นรูปแบบ 2x2 grid นะครับ หมายถึง ถูกปี ผิดปี ถูกปี แล้วอาจจะกลับมาผิด? ซึ่งนั่นก็หมายถึงในปี 2014 นี้ (ถ้าเค้าคอลผิด) ตลาดคงจะไม่ค่อยดีทั้งปี (Bearish) เป็นแน่แท้

เห็นไหมครับ ขนาดผู้เชี่ยวชาญระดับโลกให้เค้ามาทำนายทิศทางตลาดโอกาสถูกยังมีเพียง 50% เพราะฉะนั้นผมจึงมิอาจเอื้อมไปทำนายแข่งกับเขาได้ (เพราะทายไปโอกาสถูกก็อาจน้อยกว่า 50% และอาจต้องไปหาหมอเย็บหน้าแตก) สิ่งที่ผมพอจะทำได้ก็คือ นำเสนอข้อมูลจากแหล่งที่เชื่อถือได้พร้อมใส่ความเห็นประกอบประปรายด้วยเหตุผล ซึ่งความเห็นของผมก็คือ ที่ตลาดไทยยังไม่ลงช่วงนี้น่าจะเป็นเพราะฤดูกาลประกาศผลประกอบการและเทศกาลปันผลยังไม่จบนักลงทุนคงจะยังถือหุ้นเพื่อลุ้นเสียวกันอยู่  

ว่าแล้วก็ขอนำเสนอ Snapshot ประเทศไทย เป็นการปิดท้ายบทความสัปดาห์นี้ ลองอ่านกันดูเล่นๆครับ 





Wednesday, February 19, 2014

แมงกุดจี่

สวัสดีครับ,
เขียนเมื่อ 19 กุมภาพันธ์ 2557

สัปดาห์นี้ SET50 Index Futures รุ่น H ขึ้นมาใกล้ระดับแนวต้านสำคัญที่ 909 (แนวต้านนะครับ ไม่ได้ใบ้หวยนะ) .. อาจจะผ่านยากซักหน่อย เนื่องด้วยใน 17 วันที่มีการเปิดซื้อขายที่ผ่านมา มีเพียงวันเดียวที่ฝรั่งเป็นยอดซื้อสุทธิหุ้นไทย นอกนั้นขายตลอด (นับถึง 18 กุมภา) ผู้ซื้อขาโจ๋วก็เป็นใครไปไม่ได้นอกจากนักลงทุนสถาบันในประเทศ - ก็พี่แกเล่นหม่ำไปร่วม 17,000 ล้านบาทนิครับ.. อิ่มหนำสำราญกันไปนะ
   
ช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมามีการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญ -- ตัวเลข GDP ครับ!
  

  
จากรูป เป็นที่น่าสังเกตว่าอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยรายไตรมาสในรอบ 10 กว่าปีที่ผ่านมา ช่างโตได้หยุมหยิมปวดตับเสียนิกระไร (สาเหตุคงไม่ต้องพูดถึง) หากมองคร่าวๆด้วยสายตา โดยไม่นับช่วงโดดปี 2011-12 จากเหตุการณ์น้ำท่วมน่าจะเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 1-2% เท่านั้น
  
ล่าสุด GDP ไตรมาส 4 ปี 2013 ที่เพิ่งประกาศ ก็โตเพียง 0.6% -- สาเหตุหลักก็เกิดจากกำลังซื้อภายในประเทศที่ลดลง (Domestic demand) รวมถึงแผนการลงทุนต่างๆที่ชะลอออกไป เพราะอะไรคงทราบกันดี.. ทำให้ทั้งปี 2013 โตหลงจ้งเพียง 2.9% (ทั้งที่ช่วงต้นปี 2013 หลายสำนักต่างคาดกันว่าจะโตไม่ต่ำกว่า 5%) เทียบกับปี 2012 ที่โต 6.4% .. โดยปี 2014 นี้ ก็มีการประมาณกันว่า GDP ทั้งปีจะโตได้เพียง 3% ครับ
  
ผมคิดว่าถ้าเศรษฐกิจไทยจะหยุมหยิมแบบนี้ไปเรื่อยๆอย่าว่าแต่เสือตัวที่ห้า (อย่างที่เคยหวังไว้ตั้งแต่ก่อนปี 1997) เลยครับ..
   
เกรงว่าจะเป็นแมงกุดจี่ตัวแรกเอา

Wednesday, February 12, 2014

หมื่นลี้...แรก

สวัสดาคิบครับ,
เขียนเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2557

คุณสมบัติข้อหนึ่งของนักลงทุนที่ดีในความเห็นของผมก็คือ ต้องมีสายตาที่กว้างไกล และหาข้อมูลใหม่ๆอยู่เสมอเพื่อเปิดมุมมองใหม่ๆให้ทันต่อโลกที่ไม่เคยหยุดหมุน.. อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้กันก็คือ ต้องมีความตั้งใจ อดทน ศึกษาหาความรู้.. เชื่อหรือไม่ครับว่า แม้แต่กระสวยอวกาศเองยังต้องใช้พลังงานกว่าครึ่งเพียงเพื่อผ่านระยะทาง 1,000 กิโลเมตรแรก ในการเดินทางไปดวงจันทร์ที่มีระยะทางจากโลกรวมแล้วกว่า 384,000 กิโลเมตร.. เปรียบได้กับช่วงแรกของการลงทุนที่อาจจะยาก อาจจะเหนื่อยซักหน่อย แต่เราต้องอดทนครับ ไม่ท้อ! เพราะหากผ่านไปได้ ที่เหลือก็สบายแฮร์ละ
  
นทางไกล นับหมื่นลี้ ต้องเริ่มต้นด้วยก้าวแรก -- เล่าจื๊อ
  
“A journey of a thousand miles must begin with a single step.” -- Lao Tzu

ในส่วนของภาพตลาดก็ถือว่าไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปจากสัปดาห์ที่แล้วมากเท่าไหร่ครับ แต่สิ่งหนึ่งที่ชัดเจนก็คือ ฝรั่งขายหุ้นไทยติดๆกันมาร่วม 13 วันแล้วไม่รู้ขนที่ไหนมาขายหนักหนา (คงเป็นผลกระทบจาก QE tapering ส่วนหนึ่ง) ซึ่งก็เป็นที่เข้าใจกันว่าหากฝรั่งยังขายอยู่แบบนี้สุดท้ายผู้เล่นที่เหลืออยู่ก็มีเพียงพวกเรากันเอง (รายย่อย+สถาบันในประเทศ+prop trade) แล้วหุ้นไทยจะขึ้นได้ซักแค่หนาย... 
รูปข้างบนเอามาให้ดูให้เสียวเล่นครับ คุณ Mark Hulbert (ใครอ่ะ??) ได้โชว์ชาร์ตนี้เพื่อเปรียบเทียบให้เราดูว่า ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ณ ปัจจุบันมันช่างละม้ายคล้ายคลึงกับช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 ในปี 1928-29 ซะเหลือเกิน.. ช่วงนั้นใครเกิดไม่ทัน (เอิ๊กๆ) คงไม่ทราบว่าเป็นยุคที่เกิดมหาวิกฤตเศรษฐกิจโลก (The Great Depression) ซึ่งมีจุดกำเนิดเกิดจากอเมริกานั่นละครับ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่นะ http://www.marketwatch.com/story/scary-1929-market-chart-gains-traction-2014-02-11?link=sfmw_fb บาย

Wednesday, February 5, 2014

ตุนไว้อุ่นๆ

สวัสดีครับ,
เขียนเมื่อ 5 กุมภาพันธ์ 2557

นับตั้งแต่วันที่ 24 มกราคม เป็นต้นมาฝรั่งก็ขายหุ้นไทยฉอดๆๆ ไม่บันยะบันยังเลย ซึ่งก็กดดันให้ SET Index ลงมาราว 40 จุด (นับถึงวันที่ 4 กุมภา) .. ในขณะที่ผู้ซื้อเป็นนักลงทุนสถาบันในประเทศและรายย่อย ที่ช่วยกันนำหุ้น (ที่เชื่อกันว่า) ถูก ไปตุนไว้อุ่นๆ




สถานการณ์ในช่วงเดือนสองเดือนนี้ที่ผมสัมผัสได้จากการที่ได้คุยกับมาร์เกตติ้งหรือผู้แนะนำการลงทุนสำหรับนักลงทุนรายย่อยก็คือ ปริมาณการซื้อขาย หรือ วอยุ่มของเค้าลดลงไปมาก นั่นเป็นเพราะ นักลงทุนรายย่อยติดหุ้นกันเยอะ (บางรายติดหุ้นตั้งแต่ดัชนี 1600 จุด เมื่อกลางปีก่อน) ทำให้ไม่กล้าซื้อขายกัน.. ซึ่งพอถามถึงหุ้นในพอร์ตลูกค้าแล้ว ปรากฎว่า บางรายมีหุ้นขาดทุนถึง 50% เต็มไปหมด
  
ความกลัวเริ่มเพิ่มขึ้น (อาจเพิ่มมานานแล้ว) ซึ่งมาพร้อมกับประเด็นทางการเมือง ที่แม้จะผ่านวันเลือกตั้งไปได้โดยมีความวุ่นวายน้อยกว่าที่ตลาดคาด แต่ปัญหาก็ดูจะไม่จบง่ายๆและเรื้อรังไปอีกพักใหญ่ ... อาจถึงขั้นมหึมา
  
ส่วนลูกค้าผม -- สถาบันฝรั่ง นับเป็นเรื่องที่ดีที่เค้ายังซื้อขายกันตามปกติแถมปริมาณการซื้อขายในเดือนมกรายังสูงกว่าค่าเฉลี่ยอีกด้วย (แต่ short หรือ long บอกไม่ได้นะครับ) นั่นหมายถึง แม้ว่าตลาดหุ้นจะผันผวนเพียงใด จะลงซักเพียงไหน.. SET50 Index Futures ซิครับ ช่วยท่านได้ -- ไม่ว่าจะใช้เพื่อเก็งกำไร หรือ ลดความเสี่ยง เพียงแต่ต้องศึกษาข้อมูล และ ทำความเข้าใจกับมันให้ดี ก่อนลงทุนนะครับ