Wednesday, March 11, 2015

เจ้ามือตัวจริง

สวัสดีครับ,

สุดท้ายแล้วแม้ว่าเจ้า SET Index จะยื้ออยู่แถว 1600 อยู่หลายต่อหลายครั้ง จนเหล่ากูรูหลายท่านทนไม่ไหวคิดว่าตลาดคงไม่ลงแล้ว แต่ด้วยผลประกอบการของบริษัทที่ห่อเหี่ยว (วิ่งไม่ทันราคาหุ้นที่วิ่งไปไกล) และในเชิงเทคนิคเองการที่ดัชนีย่ำอยู่ที่เดิมหลายต่อหลายครั้ง แม้จะไม่ลงในทันที แต่นั่นก็เป็นการสร้างแนวต้านสำคัญขึ้นมาแถว 1600-1620 บ่งบอกว่าดัชนีพร้อมจะลง อยู่ที่ว่าเมื่อไหร่เท่านั้น ซึ่งและแล้วมันก็ลงมาจริงๆ ครับ ณ เวลาที่ผมเขียนบทความอยู่นี้ SET Index อยู่ที่ 1525 จุด



หากจำกันได้ในบทความก่อน (ณ ขณะนั้น SET Index อยู่ที่ 1603 จุด) ผมได้เตือนไปว่าเจ้าเครื่องมือ Volume Flow ของตลาดหุ้นไทยได้ส่งสัญญาณ outflows เป็นครั้งแรกในรอบปีแล้วนะให้ระวังหน่อย ซึ่ง ณ ขณะนี้สัญญาณนั้นก็ยังเป็น outflows อยู่ครับ บ่งบอกว่าตลาดหุ้นไทยอาจจะยังไม่ได้ฟื้นตัวเร็วนัก โดยในแง่ของ downside ตลาดมีแนวรับแรกอยู่ที่ 1513 จุด ซึ่งเป็นระดับที่ตลาดหุ้นไทยยืนได้หลายครั้งในอดีต และบังเอิญไปตรงกับเลขฟีโบนัชชีที่ 61.8% พอดี แต่ถ้ายังหลุดอีก ก็คงเจอกันแนวรับถัดไปที่ 1480 ครับ

ในแง่ของ valuation การที่ตลาดลงแรงเมื่อวานทำให้ Trailing P/E ของ SET Index ตอนปิดตลาด ลงมาอยู่ที่ 21.20 เท่า จากจุดสูงสุดที่ 22.05 เท่าเมื่อปลายเดือนที่แล้ว ในขณะที่ Trailing P/E ของ MAI Index ลงมาอยู่ที่ 79.81 เท่า จากจุดสูงสุดที่ 91.39 เท่าเมื่อปลายเดือนก่อน ซึ่งก็นับว่ายังสูงมากอยู่ดีครับ


ที่ต้องจับตาไว้หน่อยก็คือแรงขายจากนักลงทุนสถาบันในประเทศนิละ เพราะหากไปดูตัวเลขในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา สถาบันในประเทศนิละครับที่สะสมหุ้นไทยไปถึง 1.8 แสนล้านบาท (ปี 2013 1.1 แสนล้าน และปี 2014 อีก 7 หมื่นล้าน) โดยล่าสุดหากนับจากต้นปี สถาบันในประเทศก็ยังเป็นยอดซื้อสุทธิหุ้นไทยอยู่ 2.4 พันล้านบาท นั่นแปลว่าเขามีของตรึม และพร้อมที่จะขายออกมาหากเจอเหตุการณ์ไม่คาดฝัน แต่ผมขอตั้งข้อสังเกตไว้อย่างหนึ่งครับว่า ข้อดีของการที่สถาบันในประเทศเป็นผู้ถือหุ้นไทยแทนที่จะเป็นนักลงทุนต่างชาติ (ฝรั่งขายหุ้นไทยไปราว 2.3 แสนล้านบาทนับตั้งแต่ต้นปี 2013) ก็คือ เค้าน่าจะไม่เทกระจาดหุ้นไทยเหมือนกับฝรั่งหากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เพราะนักลงทุนสถาบันในประเทศส่วนใหญ่มีทางเลือกให้ลงทุนแค่ในประเทศ ไม่เหมือนฝรั่งที่สามารถลงทุนได้ทั้งภูมิภาค อีกอย่างสถาบันในประเทศเองก็มีความคุ้นเคยกับตลาดหุ้นไทยมากกว่า ซึ่งถ้าไปดูจริงๆ แนวการลงทุนส่วนใหญ่ก็เป็นแบบเน้นคุณค่าด้วยกันทั้งนั้น เช่นกองทุนประกันสังคม กบข. หรือบริษัทประกันต่างๆ
  
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นผมก็ยังแนะนำให้นักลงทุนลงทุนโดยยึดหลักพื้นฐานตามผลประกอบการของบริษัทเป็นหลักนะครับ เพราะในระยะยาวแล้ว เจ้ามือตัวจริงของตลาดไม่ใช่นักลงทุนสถาบันในประเทศ ไม่ใช่ฝรั่ง ไม่ใช่เสี่ย ไม่ใช่ป๋าๆ (ขา) แต่มันคือผลประกอบการของบริษัท (กำไร) นั่นละครับ!

No comments:

Post a Comment