Wednesday, October 29, 2014

แนวต้านสำคัญ

สวัสดีครัชชช
เขียนเมื่อ 29 ตุลาคม 2557

หากจำกันผมได้เขียนไว้ในบทความ “ยืนหัวโด่”เมื่อต้นเดือน พร้อมกับตอกย้ำในบทความ “มีเสียว” เมื่อกลางเดือนไว้ว่าตลาดหุ้นไทยน่าจะยืนได้ที่ระดับ 1520-1530 ก่อน ซึ่งเป็น gap ที่ดัชนีเคยเปิดเอาไว้เมื่อครั้งกระโน้น ซึ่ง SET ก็ทำให้เราไม่ผิดหวังครับเพราะได้ทำจุดต่ำสุดของเดือนไว้แค่ที่ 1519.76 จากนั้นก็ซิกแซกขึ้นเรื่อยๆ มาจนถึงระดับ 1560 ในปัจจุบัน

ตรงนี้เครื่องมือวิเคราะห์เชิงปริมาณ (Quantitative model) ของหลักทรัพย์บัวหลวงก็คอนเฟิร์มครับเพราะไอเจ้า Medium-term Bull2Bear ratio ได้ตกจากพื้นที่เสี่ยงสูง (High risk zone) มาอยู่ต่ำกว่าพื้นที่ปกติ (Neutral zone) เรียบร้อยแล้ว นั่นหมายถึงความเสี่ยงขาลงจำกัด และตลาดพร้อมปรับตัวขึ้น



อีกทั้งหากเหลือบไปดูเจ้า Yield spread ระหว่างพันธบัตรรัฐบาล 10 ปี กับอัตราเงินปันผลล่วงหน้าของตลาดหุ้น จะพบว่ามันตกจากพื้นที่แพงมาอยู่ในพื้นที่ปกติเรียบร้อยแล้ว แบบนี้ถึงตลาดหุ้นไทยอาจจะยังไม่ได้ขึ้นแรงจากนี้ไป แต่ผมว่าโอกาสลงแรงๆ ในช่วงนี้ถือว่าค่อนข้างน้อยแล้วละ 



สุดท้ายขอแวะมาแตะเจ้าอนุพันธ์สะบั้นหัวใจซะหน่อยครับ เจ้า SET50 Index Futures !!! คือตอนนี้ มันหล่อมากอะ บอกเลย แต่ผมอยากให้ดูอย่างนี้ครับว่า ในช่วงที่ดัชนีปรับฐานลงมา หากลากเส้นแนวโน้มขาลงก็จะได้กรอบดังรูป โอเคละการที่ดัชนีไม่ทำจุดต่ำสุดใหม่ก็ถือได้ว่าแนวโน้มขาลงได้ถูกสกัดไปแล้วระดับหนึ่ง แต่สัญญาณที่จะคอนเฟิร์มนั้นผมอยากให้ดูว่ามันจะสามารถเบรกและขึ้นมาปิดสวยเหนือกรอบนั้นได้รึป่าว (แถว 1036-1040) ถ้าได้ ดัชนีก็มีลุ้นขึ้นสวรรค์อีกรอบ แต่ถ้าไม่ได้ตรงนี้ละที่เค้าเรียกว่า“แนวต้านสำคัญ” 



Wednesday, October 15, 2014

มีเสียว

สวัสดีครับ,
เขียนเมื่อ 15 ตุลาคม 2557

เห็นช่วงนี้ฮิตกันเหลือเกินเรื่องน้ำมันโลกลงรุนแรงก็เลยเอากราฟตั้งกะปีมะโว้มาให้ดูแล้วก็ขอพูดถึงซักกะหน่อย



จริงๆ แล้วน้ำมันโลกลงรุนแรงหนะเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจไทยโดยรวมครับเนื่องจากเราเป็นประเทศนำเข้าน้ำมันสุทธิ (Net oil importer) เพราะงั้นเวลาน้ำมันลง จะหมายถึงต้นทุนนำเข้าถูกลง ซึ่งนักวิเคราะห์ของบัวหลวงเราได้ทำประมาณการไว้แล้วว่าทุกๆ 5% ของราคาน้ำมันที่ลงจะส่งผลให้ GDP บวกประมาณ 0.45% แต่ (ตรงนี้ต้องทำความเข้าใจดีๆ) จะทำให้ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนโดยรวมลดลงเล็กน้อย ประมาณ 0.1% (เนื่องจากกลุ่มพลังงานมีสัดส่วนค่อนข้างมากใน SET Index ถึง 1/5)
   
ผมคงไม่ล้วงลึกไปกว่านี้ในเรื่องราคาน้ำมัน ด้วยความรู้เพียงผิวเผิน แต่สุดท้ายแล้วมันก็เป็นเรื่องของ demand supply นั่นละครับ รวมถึงมีเรื่องของต้นทุนการผลิตเข้ามาเกี่ยวด้วย ซึ่งโดยประมาณแล้วน่าจะอยู่ที่ราว 80 เหรียญต่อ 1 บาร์เรล (แต่มัน vary มากนะครับ บางแหล่งขุดเจาะต้นทุนการผลิตแค่ 30 เหรียญก็มี)
  
กลับมาที่ภาพตลาดเราก็เป็นไปอย่างที่เดาไว้ในสัปดาห์ที่แล้วครับว่าระดับ 1520-1530 น่าจะยังเอาอยู่ก่อน แต่ความเสียวหลังจากนี้น่าจะเริ่มเพิ่มขึ้นแล้วละ เพราะทั้งเจ้าแท่งเทียนรายสัปดาห์ของ SET และ SET50 ได้ออกมาโชว์เดี่ยวอยู่นอกกรอบขาขึ้นที่ลากไว้ตั้งต้นปีซะแล้น แบบนี้คงต้องพึ่งพลังนักลงทุนสถาบันในประเทศ พลังกองทุน LTF, RMF และพลังรายย่อยว่าจะดันกันไปได้ถึงไหน เพราะฝรั่งหัวเขียวคงจะไม่เข้ามาหนักๆ ในช่วงนี้เป็นแน่แท้กระมัง


Wednesday, October 8, 2014

ยืนหัวโด่

สวัสดีครับ,
เขียนเมื่อ 8 ตุลาคม 2557

ไม่ได้เจอกัน 2 สัปดาห์กลับมาอีกที ดัชนี SET ลงจากจุดสูงสุดที่ 1602 เมื่อวันที่ 29 ก.ย. มาแชแม้อยู่แถว 1530-1540 ซะแล้น ซึ่งรอบนี้ถือว่าเป็นการปรับตัวลงราว 4% ครับ ทำให้ผลตอบแทนตลาดหุ้นไทยลงมาอยู่ที่ราว +18% นับจากต้นปี

อย่างไรก็ดี หากท่านสังเกตจากกราฟ จะเห็นว่าดัชนี SET50 ออกอาการทรงเสียก่อน (คือหลุดจากกรอบขาขึ้นก่อนดัชนี SET) แสดงว่าต้องเกิดจากหุ้นใหญ่แน่ๆ ที่พัดพาเราลงมา ซึ่งพอไปดูแล้วก็จริงครับ เป็นกลุ่ม Bank และ ICT นั่นละที่ลงมากกว่าตลาดในช่วงที่ผ่านมา ในขณะที่หุ้นพลังงานตัวใหญ่อย่าง PTT ยังยืนหัวโด่อยู่ได้ 


นัยของผมก็คือ หุ้นตัวใหญ่ๆ เวลาลงแรงๆ หากพื้นฐานไม่ได้เปลี่ยนอย่างมีนัยสำคัญ ประเดี๋ยวมันก็มีแรงซื้อกลับเข้ามา (ทั้งจากนักลงทุนสถาบันในประเทศและต่างประเทศ) แล้วยิ่งชำเลืองไปเห็นว่าเมื่อวันที่ 13 สิงหา ทั้งดัชนี SET และ SET50 ได้เปิด gap ไว้แถว 1520-1530 และ 1020-1025 ..เอ๊ะ มันช่างใกล้กับดัชนีที่ระดับปัจจุบันซะเหลือเกิน ผมก็เลยเดาว่าด่านแถว 1530 น่าจะเอาอยู่ก่อนรึป่าวนะ? อาจจะมีเด้งก่อนไหม? แล้วจะขึ้นจะลงอย่างไรก็ว่ากันอีกทีดีมั้ย?

แต่ที่ต้องย้ำก็คือ เนื่องจากตลาดได้หลุดจากกรอบขาขึ้น (ที่ผมลากจากต้นปี) ไปแล้วเรียบร้อย ตรงนี้แปลว่าถึงจะมีการรีบาวด์ แต่โอกาสที่จะขึ้นทางเดียวเหมือนเดิมนั่นท่าจะยากซะแล้วละครับ จากนี้ ตลาดน่าจะอยู่ในรูปแบบไซด์เวย์ไปเรื่อยๆ และความผันผวนในช่วงที่เหลือของปีน่าจะมีมากขึ้นหากเทียบกับช่วงต้นปีครับ