Wednesday, December 17, 2014

แรงกระเพื่อม

สวัสดีครับ,

DECEMBER 17, 2014


ตั้งแต่วันที่ 8 ธันวาคมที่ตลาดหุ้นไทยได้ขึ้นไปทำจุดสูงสุดของปีที่ 1603.89 นักลงทุนในตลาดหุ้นไทยก็ไม่ได้พบกับสีเขียวอีกเลยจนกระทั่งวันนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อวันจันทร์ที่ 15 ธันวาคม ที่ผมรู้สึกเหมือนกับว่าได้นั่งรถไฟเหาะตีลังกาแปดสิบตลบ เพราะตลาดลงไปทำจุดต่ำสุดของวันถึง 1375.99 แล้วก็แล่นทะยานขึ้นมาปิด 1478.49 ได้อย่างไรก็ไม่รู้ (คือลงไปมากกว่า 130 จุด แล้วก็เด้งกลับมากว่า 100 จุดโอ้แม่เจ้า) ผมเลยอยากจะแนะนำเพื่อนนักลงทุนให้ซื้อแว่นดังรูปด้านล่างนี้มาเตรียมใส่ไว้ก่อนครับ เผื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันอีกอย่างไร เวลามอง พอร์ตท่านยังไงก็ยังคงเป็นสีเขียว  


แล้วยิ่งเมื่อวันที่ 16 ธันวาคม หากท่านใดติดตามตลาด TFEX หรือ ตลาดอนุพันธ์สะบั้นหัวใจ เจ้า S50Z14 เปิดวันอังคารฟ้าใหม่ที่ราคา 971.3 เหมือนจะไม่มีอะไร แต่ทันใดนั้นอุ้ยว้ายตาเถรแตกครับ ใครก็ไม่รู้มาทุ่มขายเจ้า S50Z14 ทำให้ราคาลงไปทำจุดต่ำสุดของวันที่ 921.6 ภายในไม่ถึง 5 นาทีนับจากตลาด TFEX เปิด ย้ำอีกครั้ง ภายในไม่ถึง 5 นาทีนับจากตลาด TFEX เปิด คือลงไปเกือย 50 จุด! จากนั้นก็ค่อยๆ ค่อยๆ ขึ้นมายืน แต่ผันผวนมากระหว่างวัน แล้วก็กลับไปปิดใกล้ราคาเปิดที่ 969.9 ตอนสิ้นวันจนได้

ประเด็นคือความผันผวนในตลาดไทยมีมากเหลือเกินโดยเฉพาะอย่างยิ่งในสัปดาห์นี้ แต่ข่าวดีคือ ผมคิดว่ามันจะค่อยๆ ลดลงครับ เหมือนกับคุณโยนลูกปิงปองลงพื้นครั้งแรกจะเด้งขึ้นมาแรงหน่อย ครั้งที่สองเด้งแต่จะไม่เกินครั้งแรก แล้วก็ค่อยเด้งลดลงไปเรื่อยๆ หรือ เปรียบได้กับการกระเพื่อมของน้ำนั่นละครับ ในเชิง Quantitative model เองทางนักวิเคราะห์บัวหลวงเราก็ได้ประเมินไว้แบบนั้นเช่นกัน โดยดูจากเจ้าเครื่องมือที่เรียกว่า E-GARCH Vol ที่มันขึ้นมาทำหัวชี้ ประกอบกับเจ้าตัว E-GARCH Vol Forecast ที่ความชันมันลดลง แปลว่า ความผันผวนได้เจอจุดสูงสุดไปแล้วและจากนี้น่าจะค่อยๆ ลดลงครับ



ล่าสุด ตลาดหุ้นไทย ณ เวลาที่ผมเขียนบทความอยู่นี้ (14.41) ก็บวกไปกว่า 20 จุด ขอแสดงความยินดีกับผู้กล้าทุกท่านด้วยนะครับ

Wednesday, December 3, 2014

เรื่องของน้ำมัน

สวัสดีครับ,

December 3, 2014


นับจากต้นปี ราคาน้ำมันตลาดโลกได้ลงมาแล้วกว่า 30% และทำจุดต่ำสุดในรอบ 5 ปีเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา สาเหตุหลักๆ เกิดจากภาวะอุปทานส่วนเกิน (Oversupply) รวมถึงการเพิ่มกำลังการผลิตของกลุ่ม Non-OPEC และการคงระดับการผลิตของกลุ่ม OPEC ไว้ที่ 30 ล้านบาร์เรลต่อวัน อีกทั้งยังมีข่าวการผลิตน้ำมันจากหินดินดาน (Shale) ในอเมริกาและแคนาดามากดดันเพิ่มเติม อย่างไรก็ดีสถานการณ์ในตอนนี้ถือว่าแตกต่างจากช่วงปี 2008-09 (ที่น้ำมันลงจาก 140 เหรียญต่อบาร์เรล เป็น 30 เหรียญต่อบาร์เรล) อย่างสิ้นเชิงครับ ช่วงนั้นสภาวะเศรษฐกิจโลกอยู่ในช่วงถดถอยจากวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ เป็นเรื่องของ Demand Shock ผลประกอบการของบริษัทลดลงพรวด แต่ครั้งนี้ผลประกอบการของบริษัทไม่ได้ลดลง แต่แค่ปริมาณการผลิตน้ำมันเกินกว่าความต้องการใช้ เป็นเรื่องของ Supply Shock ซึ่งผมเชื่อว่าสุดท้ายแล้วพอราคาน้ำมันลงไปถึงจุดหนึ่ง ความต้องการซื้อก็จะกลับมาและทำให้ราคาเข้าสู่จุดดุลยภาพในที่สุด (Equilibrium Price) ผู้บริโภคทั่วโลกจะเป็นผู้ได้ประโยชน์ในสถานการณ์เช่นนี้ครับ เพราะต้นทุนการผลิตลดลงไปเยอะและประเทศที่เป็น Net oil importer อย่างไทยจะได้รับประโยชน์แบบจัดเต็ม



อย่างไรก็ดี ส่วนตัวแล้วผมไม่คิดว่าน้ำมันจะอยู่ที่ระดับต่ำแบบนี้ได้นานครับ เพราะต้นทุนการผลิตน้ำมันของหลายๆ เหมืองอยู่ที่ราว 60-70 เหรียญต่อบาร์เรล แปลว่าถ้าราคาน้ำมันลงต่ำกว่านี้ไปมากๆ เหมืองบางแห่งอาจต้องปิดตัวลงเพราะขาดทุนบักโกรก ซึ่งนั่นจะส่งผลให้ Supply ลดลงและราคาน้ำมันก็จะกลับมาในที่สุด ทั้งนี้ทั้งนั้นการทำนายราคาน้ำมันซึ่งเป็นสินค้าโภคภัณฑ์ (Commodity) ชนิดหนึ่ง มันเป็นอะไรที่พูดยากและยากมากครับ (มันก็คือการเดาดีๆ นิแหละ) แต่หากนำข้อมูลเชิงสถิติมาประกอบจะพบว่า ราคาน้ำมันตอนนี้ได้ลงมาต่ำกว่าระดับ 2SD ของค่าเฉลี่ย 5 ปีเรียบร้อยแล้ว ซึ่งเป็นระดับเดียวกับช่วงปี 2008-09 (เทียบกับค่าเฉลี่ย 5 ปีก่อนหน้านั้น) แปลว่าโอกาสที่น้ำมันจะลงต่ำกว่านี้มากๆ เริ่มมีน้อยแล้วละครับ
   
ผมเขียนถึงราคาน้ำมัน เพราะเห็นว่ามันสนุกดี นานๆ จะได้เห็นสินทรัพย์ที่ลงแรงๆ พรวดๆ แบบนี้ซักที (ยกเว้นหุ้นปั่นบ้านเรา) แต่หากไปดูสัดส่วน GDP ไทยจะพบว่า 2 อุตสาหกรรมแรกที่มีสัดส่วนสูงสุดคือ รถยนต์อุปกรณ์และส่วนประกอบ (14.6%) ตามมาด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์อุปกรณ์และส่วนประกอบ (10.7%) ไม่ใช่พลังงานหรือธนาคารพาณิชย์เหมือนในตลาดหุ้น แปลว่าราคาน้ำมันที่ลงอาจส่งผลกระทบต่อภาพรวมตลาดหุ้นบ้าง แต่ในเชิงพื้นฐานหรือเศรษฐกิจประเทศภาพใหญ่แล้ว เราได้ประโยชน์นะ และยิ่งมีเรื่อง Energy reform ที่จะช่วยปลดแอกภาระขาดทุนบักโกรกในบางธุรกิจของเจ้าหุ้นพลังงานตัวใหญ่อย่าง PTT รวมถึงหุ้นโรงกลั่นบางตัวอยู่ ตลาดหุ้นไทยก็น่าจะทรงๆ และอยู่ในแนวโน้มขาขึ้นได้ไปจนถึงสิ้นปีครับ