Wednesday, November 25, 2015

โตไม่โต

สวัสดีครับ,

เมื่อสัปดาห์ก่อนมี 2 เรื่องที่น่าสนใจที่ผมจะนำมาสรุปให้ฟังในบทความนี้ครับ เรื่องแรกเป็นเรื่องของ GDP ไทยไตรมาส 3 ที่ประกาศออกมาใช้ได้ คือโตถึง 2.9% สูงกว่าที่ตลาดคาดที่ 2.4% และโตขึ้นเล็กน้อยจากไตรมาสก่อนที่ 2.8% ทำให้รวมตัวเลข 9 เดือนแล้ว เศรษฐกิจไทยโตได้ 2.9% (ปี 2557 ทั้งปีโต 0.9%) โดยมีแรงสนับสนุนหลักมาจากการลงทุนภาครัฐที่ขยายตัวถึง 15.9% และการใช้จ่ายภาคครัวเรือนที่ขยายตัว 1.7% ปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาสก่อน แม้ว่าล่าสุดตัวเลขส่งออกในเดือนตุลาที่ประกาศออกมาจะหดตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 10 คือ -8.1% มากกว่าที่ตลาดคาดที่ -7.7% และมากกว่าเดือนก่อนที่ -5.5% ทำให้เป้าส่งออกที่กระทรวงพาณิชย์คาดไว้ที่ -3% ทั้งปีนี้คงทำได้ยาก แต่หลังจากที่เรามีการเปิด AEC ในสิ้นปีนี้แล้ว ผมก็หวังว่าการส่งออกไทยในปีหน้าจะดีขึ้น และอาจกลับมาเป็นบวกได้เป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปี จากการลดอัตราภาษีศุลกากรสำหรับการส่งออกไปยังกลุ่มประเทศ CLMV ครับ


(เกร็ดความรู้: 20 ปีที่ผ่านมา GDP ไทยรายไตรมาสโตเฉลี่ย 3.6%YoY โดยโตสูงสุดในไตรมาส 4 ปี 2012 ถึง 19.1% และหดตัวมากสุดในไตรมาส 2 ปี 1998 ที่ -13.9%)

เรื่องที่สองเป็นเรื่องของผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนไตรมาส 3 ครับ โดยสรุปแล้วกำไรสุทธิรวม 3Q15 ที่หลักทรัพย์บัวหลวง cover ลดลงถึง 81%YoY และ 81%QoQ ซึ่งต่ำกว่าที่คาดถึง 43% สาเหตุหลักเกิดจากรายการที่ไม่ใช่ธุรกิจหลัก เช่น ขาดทุนจากสินค้าคงคลัง (ราคาน้ำมันเหลือ $48.4 จาก $63.6 เมื่อสิ้นไตรมาสสอง) ขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน (ค่าเงินบาทเทียบ USD อยู่ที่ 36.3 เทียบกับ 33.8 เมื่อสิ้นไตรมาสสอง) และการด้อยค่าของสินทรัพย์ (เช่น ของ PTTEP, THAI) ซึ่งตรงนี้ทำให้ Trailing PE ตลาดล่าสุดขึ้นมาอยู่ที่ 24 เท่า! นักวิเคราะห์เราจึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องปรับ EPS forecast ปี 2015 ลงมาเหลือ 70 จาก 90.5 ซึ่งถ้าเทียบกับปีที่แล้วที่ 72.5 แปลว่าปีนี้อาจจะโตติดลบ 3.5% ครับ อย่างไรก็ดี มองไปข้างหน้าครับ มองไปข้างหน้า นักวิเคราะห์เราคาดว่า EPS ปี 2016 จะกลับขึ้นมาที่ 104 แปลว่าจะโตถึง 49% แต่ผมคิดว่าตัวเลขนี้อาจสูงเกินไป มีโอกาสที่จะถูกปรับลงมาได้ในอนาคตครับ 



กล่าวโดยสรุป เศรษฐกิจไทยเหมือนจะฟื้นแต่ก็ยังกั๊กๆ อยู่ ไม่เต็มที่ ส่วนผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนต้องบอกว่าปีนี้ทำได้ผิดคาดเลยละครับแม้ว่าจะมีเรื่องของรายการพิเศษเข้ามา (ถ้าจำกันได้ช่วงต้นปีนี้ตลาดมองกันค่อนข้างดีเลยละว่าจะโตถึง 20-30% จากฐานที่ต่ำเมื่อปีก่อน แต่ผลกลับผิดคาดและอาจจะโตติดลบด้วยซ้ำ) ทำให้ภาพตลาดในช่วงนี้ แม้ผมจะยังไม่ได้มอง sentiment แย่อะไร (มีเรื่องแรงซื้อ LTF ช่วย) แต่ก็คงขึ้นได้ยากจากปัจจัยพื้นฐานที่เป็นอยู่ในปัจจุบันครับ

Wednesday, November 11, 2015

เจ้า E-GARCH

สวัสดีครับ,

วันนี้ผมมีตัวเลขที่น่าสนใจมาฝาก หากลองนับปริมาณการซื้อขายของนักลงทุนต่างชาติในตลาด TFEX ตั้งแต่วันที่ 29 กันยา จนถึงวันที่ 4 พฤศจิกา (เวลาประมาณ 1 เดือนนิดๆ) จะพบว่าตัวเลขเป็น net long SET50 futures อยู่ถึงกว่าแสนสัญญา ซึ่งทำให้ตัวเลข YTD ที่นับจนถึงวันที่ 4 พฤศจิกา กลับมาเป็นบวกได้ (จากที่ก่อนหน้านี้เป็นลบอยู่เยอะมาก) ซึ่งการที่ flows ไหลกลับมาในช่วงเวลาสั้นๆ ดังกล่าวผมเชื่อว่าส่วนหนึ่งเป็นเพราะจากการประชุม Fed เมื่อเดือนกันยาที่ผ่านมาที่คาดว่าการขึ้นดอกเบี้ยอาจถูกเลื่อนไปเป็นปีหน้า ทำให้ตลาดหุ้นเกิดใหม่กลับมาคึกคักครับ



แต่หลังจากเมื่อเย็นวันศุกร์ที่ผ่านมาที่เราได้ทราบตัวเลข Nonfarm Payroll ที่ดีกว่าคาดมาก และอัตราว่างงานที่ลดลงเหลือเพียง 5% ของอเมริกา ผมเชื่อว่าตรงนี้อาจเป็นจุดเปลี่ยนทำให้ Flows ที่ไหลเข้ามามากในช่วงก่อนหน้านี้ไหลกลับได้ครับ เพราะตลาดเริ่มมองแล้วว่ายังไง Fed ก็จะต้องขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธันวาปีนี้ ซึ่งหากมาดูตัวเลขเมื่อ 2 วันล่าสุดประกอบ ก็จะเห็นว่า Flows เริ่มไหลออกแล้วจริงๆ โดยในวันจันทร์นักลงทุนต่างชาติได้ขายสุทธิใน SET50 Futures ถึง 7,529 สัญญา (ขายหุ้นสุทธิอีก 1 พันล้านบาท) และวันอังคาร 17,822 สัญญา (ขายหุ้นสุทธิอีก 776 ล้านบาท) ทำให้ตัวเลข YTD กลับกลายลบที่ -1,783 สัญญา รวมถึงค่าเงินบาทก็ได้กลับมาอ่อนค่าราว 1% จาก 35.5 บาท มาเป็น 35.8 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ 

สุดท้ายพอมาดูสัญญาณเชิง quant ประกอบ ก็พบว่าเจ้า E-GARCH Vol forecast ที่บอกค่าความผันผวนของตลาดได้ขึ้นมาเหนือค่าเฉลี่ยระยะยาวแล้วครับ ตรงนี้ตีความได้ว่าช่วงเวลาถัดจากนี้เป็นช่วงเวลาอ่อนแอ เปราะบาง อีกทั้งสัญญาณ Volume Flow จาก 4 sectors หลักก็ได้ส่งภาพลบเช่นกัน ยังไงก็ระมัดระวังการลงทุนในช่วงนี้มากขึ้นนะครับ