สวัสดีครับ,
เขียนเมื่อ 3 กันยายน 2557
ผมรู้สึกว่าประเทศไทยเรากำลังวิ่งเข้าหาประเทศตะวันตกหรือประเทศพัฒนาแล้วในหลายๆ เรื่องครับ ลองนึกย้อนไปเมื่อซัก 10 กว่าปีก่อน ไม่ค่อยเห็นหรอกที่คนหนุ่มสาวหรือเด็กในวัยเรียนจะแยกจากพ่อแม่มาอยู่เอง ในขณะที่การทำแบบนั้นเป็นเรื่องปกติของฝรั่งมาช้านานแล้ว หันกลับมาดูปัจจุบัน การเดินทางในกรุงเทพฯ เริ่มสะดวกมากขึ้น มีคอนโดฯ ผุดขึ้นเรื่อยๆ ตามเส้นทางที่รถไฟฟ้าผ่าน เราเริ่มจะรู้สึกว่าไม่แปลกแฮะที่เด็กสมัยนี้จะย้ายมาอยู่คอนโดฯ เพื่อความสะดวกสบายในการเดินทาง ในขณะที่ผู้ปกครองก็อาจมองว่าเป็นการฝึกให้ลูกๆ ได้รู้จักใช้ชีวิต และยืนได้ด้วยลำแข้งตนเอง มีการซื้อคอนโดฯ ไว้เพื่อเป็นแหล่งพักพิงแหล่งที่ 2 หรือบ้างก็ไว้เก็งกำไร.. ลองคิดเล่นๆ ครับว่าหากอนาคต 10-20 ปีข้างหน้ามีการเดินทางสะดวกสบายทั่วประเทศ พฤติกรรมคนต่างจังหวัดก็ต้องเปลี่ยน สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ก็ต้องผุดตาม แล้วใครบ้างละที่ได้ประโยชน์?

อีกสิ่งหนึ่งที่ผมรู้สึกว่าเปลี่ยนไปค่อนข้างชัดก็คือ “ความรู้สึกคนไทยกับการทำประกัน” ผมว่า 10 ปีที่ผ่านมานี้ภาพลักษณ์ธุรกิจประกันดูดีขึ้นนะ คนไทยเริ่มเห็นว่าการทำประกันไม่ว่าจะประกันชีวิตหรือประกันภัยเป็นสิ่งจำเป็น เพราะมันช่วย “ปิดความเสี่ยง” ในขณะที่แท้จริงแล้วถ้ามองย้อนไปชาวตะวันตกเค้ารู้สึกแบบนี้มาช้านานแล้ว (ปัจจุบันคนอเมริกาถือประกันเฉลี่ยคนละ 5-6 ฉบับ คนไทยถือเฉลี่ยคนละไม่ถึง 1 ฉบับ!) ซึ่งแนวโน้มนี้ผมคิดว่ามีแต่จะเพิ่มขึ้นในอนาคตเพียงแต่อัตราเร่งจะมากจะน้อยก็ขึ้นกับการเติบโตของเศรษฐกิจ ลองนึกดูว่าในอดีตจากที่คนเบือนหน้าหนีเลยเวลาใครมาเสนอขายประกัน อาจจะเปลี่ยนเป็นฟังซักหน่อยก่อนแล้วค่อยหนี หรือฟังนานขึ้นหน่อยแล้วหยวนๆ ซื้อ.. ไม่แน่ในอนาคตอาจจะเปลี่ยนเป็นเราที่ต้องวิ่งเข้าหาคนขายประกันก็เป็นได้ครับ
สรุป หากลองนึกๆ ดีก็จะพบครับว่าพฤติกรรมคนไทยที่กำลังเปลี่ยนไปนั้น ได้เคยเกิดขึ้นมาก่อนนานแล้วในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว สาเหตุก็ง่ายๆ “เพราะมนุษย์เรามียีนเดียวกัน” ยังไงพฤติกรรมพื้นฐานควรจะต้องไม่ต่างกัน.. ความจริงมีอีกหลายเรื่องที่ผมรู้สึกว่าเปลี่ยนไปในรอบทศวรรษที่ผ่านมา ไว้จะทยอยเล่าให้ฟังนะครับ (ใครนึกออกอีกก็แชร์กันก่อนได้) ส่วนภาพตลาดในสัปดาห์นี้ต้องบอกว่าเหนียวแน่นหนึบ มาจากความเชื่อมั่นที่มากขึ้นจากการที่ได้เห็นคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ ผมมองว่าข้อดีอีกข้อหนึ่งของการที่เรามีรัฐบาลทหารก็คือสามารถลดขั้นตอนในการอนุมัติโครงการต่างๆ ออกไปได้ พูดง่ายๆ นโยบายใดที่ดีในรัฐบาลก่อนๆ ที่ต้องใช้เวลานานกว่าจะได้รับการอนุมัติ น่าจะได้นำมาใช้จริงอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลในรัฐบาลนี้ด้วยครับ
No comments:
Post a Comment