สวัสดีปีใหม่ครับ,
เราเริ่มปีนี้กันด้วยข่าวเดิมๆ ก็คือเรื่องราคาน้ำมันที่ลงทะลุอเวจีไม่มีหยุดยั้ง แต่เป็นที่น่าสนใจครับว่า ในขณะที่ราคาน้ำมันทำจุดต่ำสุดใหม่ แต่หุ้นพลังงานตัวหลักในบ้านเราอย่าง PTT และ PTTEP กลับไม่ได้ทำจุดต่ำสุดตาม (ราคา ณ เช้าวันที่ 7 ม.ค.) ผมคิดว่าส่วนหนึ่งเป็นเพราะนักลงทุนเริ่มคุ้นชินกับราคาน้ำมันที่มันลงแบบ non-stop ซะแล้ว บางทีถ้าน้ำมันลงไปมากกว่านี้นักลงทุนอาจจะเฉยๆ ชิลๆ ร้องแล้วไงละ แต่ถ้ามันเด้งเมื่อไหร่ตลาดหุ้นไทยอาจมีเฮก็เป็นได้ครับ

ถัดมา ถือว่าเป็นของขวัญปีใหม่ เพราะผมได้เขียนสรุปภาพรวมสั้นๆ เกี่ยวกับเรื่องค่าเงินสกุลหลักๆ นำมาฝากทุกท่านครับ
เริ่มที่ค่าเงินดอลลาร์ จากรูปจะเห็นว่า Dollar index (ดัชนีดอลลาร์สหรัฐฯ ถ่วงด้วยตะกร้าเงิน 6 สกุลหลัก ได้แก่ ยูโร เยน ปอนด์ ดอลล์แคนาดา โครนาสวีเดน และฟรังก์สวิส) แข็งเป๊กครับ สะท้อนถึงอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของอเมริกาที่ดีขึ้นเป็นลำดับ (แทบจะ decouple จากประเทศอื่นๆ เลยก็ว่าได้) แต่คงต้องมาดูกันอีกทีว่าที่ดี มันดีเพราะยาแรงในช่วงที่ผ่านมารึเปล่า แล้วพอหมดยาแรง มันจะเหี่ยวหรือไม่? แต่นี่ก็เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ราคาน้ำมันอ่อนทะลุทรวงในช่วงที่ผ่านมาครับ

ต่อที่ค่าเงินยูโรที่อ่อนยวบ เป็นผลจากการคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจในยูโรโซนจะอ่อนเปลี้ยเพลียแรงต่อเนื่อง แถมประเด็นเรื่องกรีซจะออกไม่ออกจากยูโรโซนยังโดนเอากลับมาเล่นใหม่อีกครั้ง (ซึ่งหุ้นกรีซก็โดนจัดหนักจริงในช่วงที่ผ่านมา) และ ECB ที่อาจต้องประกาศใช้มาตรการผ่อนคลายทางการเงินอย่าง QE (ทั้งที่จริงๆ ไม่ค่อยอยากใช้) ในการประชุมช่วงปลายเดือนนี้
ส่วนค่าเงินเยนก็อ่อนเทียบดอลลาร์แบบนี้มาซักพักละครับ เป็นผลจาก Abenomics ลูกศรดอกที่ 2 ที่เพิ่มปริมาณเงินมหาศาลในระบบควบคู่ไปกับการกำหนดอัตราดอกเบี้ยต่ำต้องการให้เงินเฟ้อทะลุ 2% ให้จงได้ (ศรดอกแรกคือเพิ่มการใช้จ่ายภาครัฐ ศรดอกที่สามคือ ปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจ)
ส่วนค่าเงินบาทเรา (ไม่มีรูปให้ดู) ที่ดูเหมือนจะทรงๆ อ่อนนิดๆ มาตลอด แต่จริงๆ เราแข็งมากนะครับ เพราะถ้าเทียบกับดอลลาร์ตลอดทั้งปี 2014 ค่าเงินบาทเราอ่อนเพียง 0.5% เท่านั้น (เจ๋งสุดในอาเซียนแล้ว) แปลว่าช่วง 6-7 เดือนที่ผ่านมาที่เงินดอลลาร์แข็งโป๊กนั้น ค่าเงินบาทเราก็แข็งไปกับเค้าด้วยนั่นละ ตัวเลขส่งออกไทยก็เลยเป๋อย่างที่เห็น
ในขณะที่ทอง (บางช่วงก็ถูกมองว่าเป็น Safe haven บางช่วงก็เป็น Risky asset) แท้จริงก็เปรียบได้เหมือนเงินสกุลหนึ่งของโลกนั่นละครับ จากรูปจะเห็นว่ามันอ่อนยั่วเยี้ยมาพักใหญ่ละ และยิ่งในช่วงนี้ที่เป็นยุคดอลลาร์แข็งโฮก ยิ่งน่าจะยากที่ทองจะกลับมาเป็นขาขึ้นยาวๆ แบบเก่า และผมต้องบอกว่า QE จากอเมริกานี่แข็งแกร่งที่สุดละครับ Impact QE จากที่อื่นอย่างไรก็ไม่น่าจะมีผลเท่า (เป็นเพราะจุดประสงค์ในการออกมันต่างกันตั้งแต่ต้น) เพราะงั้นพอหมด QE เมกา ทองมันก็เลยเป็นอย่างที่เห็นนั่นแล
เรื่องสุดท้ายที่เป็นประเด็นเสียวในช่วงที่ผ่านคงหนีไม่พ้นเรื่องค่าเงินรูเบิลของรัสเซียครับ จริงๆ จะเรียกว่าพังเละเทะเลยก็ว่าได้ (ผมถึงกับต้องแยกกราฟมาให้ดูเลยทีเดียว) สาเหตุหนึ่งคงเป็นเพราะประเทศเค้ามีรายได้จากน้ำมันเยอะ (ส่งออกน้ำมันเป็นอันดับ 2 ของโลก) พอน้ำมันลงแรง รายได้ก็หด แล้วมันก็สะท้านทรวงแบบนี้แหละ แถมปีนี้รัสเซียมีครบกำหนดชำระหนี้กับหลายประเทศในยุโรปเยอะอีก ทุนสำรองมีเท่าไหร่คงต้องโกยมากองให้พร้อมละครับ เพราะค่าเงินเค้าอ่อนไปกว่าเท่าตัวจากต้นปี 2014 เทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ แปลว่าก็ต้องใช้เงินเยอะขึ้นในการชำระหนี้ด้วย

สรุป จะเห็นว่าในปีที่ผ่านมาเป็นปีที่ท้าทายพอสมควรครับ และผมเชื่อว่าปีนี้ก็จะท้าทายยิ่งขึ้นไปอีก เพราะงั้นผมขอปิดท้ายด้วยการแนะนำกลยุทธ์การลงทุนแบบเข้าใจง่ายเป็นภาษาอังกฤษที่ว่า Investing only in stuffs that you truly understand and trying not to get rich quick would be the key to me for this year. Cheers.
No comments:
Post a Comment