Wednesday, May 6, 2015

สนามประลองยุทธ์

สวัสดีครับ,

ชาร์จพลังไปเต็มที่หลังจากหยุดยาว 5 วันเป็นครั้งที่ 2 ในรอบเดือน กลับมาสู้กันต่อครับ โดยช่วงนี้บอกเลยว่าตลาดหุ้นไทยเปรียบเสมือนสนามประลองยุทธ์ของระหว่างมุมแดงซึ่งก็คือหุ้นในกลุ่มพลังงาน (สัดส่วน 1/5 ของ SET market cap) และมุมน้ำเงินซึ่งก็คือหุ้นในกลุ่มธนาคาร (สัดส่วน 1/6 ของ SET market cap) ใครจะชนะยังไม่รู้ แต่ที่รู้แน่ๆ คือตลาดหุ้นไทยคงไม่ลงแรงง่ายๆ แน่หากราคาน้ำมันยังอยู่ในระดับนี้ (Brent 68 เหรียญต่อบาร์เรล) และคงไม่ขึ้นง่ายๆ จนกว่าจะเห็นแนวโน้มโครงการลงทุนภาครัฐที่ชัดเจนที่จะช่วยส่งผลดีต่อภาพรวมโดยเฉพาะหุ้นธนาคารขนาดใหญ่ ยังไงลองจับตาดู GDP ไตรมาส 1 ปีนี้ที่จะประกาศในวันที่ 18 พ.ค.นี้ประกอบด้วยก็ดีครับ



เอาละ ปลีกหนีจากสภาพตลาดที่ทำนายยาก มาดูรูปที่สีสันสวยงามกันครับ ช่องบนที่มีเส้นสีขาวและสีเหลืองหมายถึงอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยและของสหรัฐฯ ตามลำดับ จะเห็นว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยที่ล่าสุดเหลือ 1.50% นั้นคือระดับที่เกือบต่ำสุดในรอบเกือบ 2 ทศวรรษ (เคยต่ำสุดที่ 1.25%) และต่ำที่สุดในอาเซียนตอนนี้แล้ว แปลว่าโอกาสที่ดอกเบี้ยจะลงกว่านี้ถ้ามีก็เหลือไม่มากแล้วครับ กอปรกับที่ล่าสุดท่านรัฐมนตรีคลังฯ สมหมาย ภาษี ได้ออกมายืนยันว่าระดับอัตราดอกเบี้ยที่ 1.50% นั้นเหมาะสมกับเศรษฐกิจไทยในปัจจุบันแล้ว เพราะงั้นผมก็เชื่อว่าเครื่องมือกระตุ้นเศรษฐกิจไทยในเชิงนโยบายการเงินนั้นน่าจะเหลือไม่มากละ ที่เหลือก็คือปล่อยให้มันทำงานไปแล้วรอดูผลลัพธ์ แต่ที่น่ากังวลก็คือเมื่อใดก็ตามที่ Fed ขึ้นดอกเบี้ย (หลังจากคงไว้ที่ระดับเกือบศูนย์มา 6 ปีกว่า) นั่นจะทำให้ gap ระหว่างดอกเบี้ยไทยกับดอกเบี้ยสหรัฐฯ แคบลงไปอีก นั่นหมายถึงเงินที่จะไหลเข้ามาตลาดการเงินในประเทศเรานั้นมีแต่จะน้อยลง

ผลกระทบแน่นอนครับ ถ้าเงินไม่เข้า ก็คือออก แล้วก็น่าจะยิ่งออกมากขึ้นเพราะแบงค์ชาติเองเมื่อสัปดาห์ก่อนก็ได้ผ่อนคลายมาตรการทุนเคลื่อนย้ายให้คนในประเทศสามารถนำเงินออกนอกประเทศได้มากขึ้น (ค่าเงินบาทเทียบดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนถึง 2.2% นับจากการประชุมกนง.เมื่อสัปดาห์ก่อน) ตรงนี้มองในมุมหนึ่งก็คือเป็นการช่วยเศรษฐกิจไทยในระยะกลาง-ยาว เพราะการที่ค่าเงินบาทอ่อน จะช่วยส่งออก (65% ของ GDP) ท่องเที่ยว (10% ของ GDP) และแก้ปัญหาเงินฝืดได้ (3 เรื่องที่รุมเร้าเศรษฐกิจไทยอยู่ในขณะนี้) แต่ในระยะสั้นคงปฏิเสธไม่ได้ว่าค่าเงินบาทที่อ่อนจะเหมือนเป็นการส่งสัญญาณว่าเงินกำลังไหลออกนอกประเทศนะ และอาจทำให้นักลงทุนต่างชาตินำเงินออกจากตลาดหุ้นไทยไปด้วยได้ แต่ก็อย่าได้กังวลมากไปครับ เพราะเมื่อถึงจุดหนึ่งที่ค่าเงินบาทอ่อนได้ที่และส่งผลดีต่อเศรษฐกิจไทยจริงๆ แล้ว ผมเชื่อว่านักลงทุนต่างชาติจะกลับมาลงทุนในตลาดหุ้นไทยอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยอีกครั้งอย่างแน่นอน

No comments:

Post a Comment