Wednesday, October 28, 2015

เป้ายังไม่เปลี่ยน

สวัสดีครับ,

ในช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมามี 2 เหตุการณ์ที่น่าสนใจที่น่าจะช่วยให้ตลาดหุ้นโลกรวมถึง SET เราน่าจะยังยืนเท้งเต้งแบบนี้ต่อไปได้ครับ เรื่องแรกก็คือการที่ประธาน ECB นาย Mario Draghi ออกมาส่งสัญญาณว่าเค้าอาจจะออกมาตรการกระตุ้นชุดใหม่ภายในเดือนธันวาปีนี้ (ดูซิว่า Fed จะกล้าขึ้นดอกเบี้ยสวนไหม) ส่วนอีกเรื่องก็คือเจ้า PBOC ที่ออกมาหั่นดอกเบี้ยพร้อมกับลด RRR เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและส่งสัญญาณว่าพร้อมที่จะสู้กับสภาวะเงินเฟ้อต่ำ ที่น่าสงสัยนิดๆ ก็คือทำไมเจ้าธนาคารกลางจีนนิชอบออกมาประกาศมาตรการกระตุ้นตอนวันหยุดนักนะ (วันอาทิตย์บ่อยมาก) หยั่งล่าสุดก็ประกาศเย็นวันที่ 23 ตุลา หลังตลาดปิด ด้วยเหตุนี้ในบทความนี้ผมเลยจะเจาะไปที่จีนซักหน่อยครับเพราะดูท่าพี่ท่านจะมีผลต่อ sentiment ตลาดหุ้นในภูมิภาคอยู่พอควรเลยละ ฮ่าๆๆ



เรื่องมันมีอยู่ว่า Morgan Stanley เค้าได้ไปทำการสำรวจนักลงทุนรวมถึงผู้จัดการกองทุนในจีนครับว่าคิดว่าเห็นอย่างไรกับตลาดหุ้นจีนจากนี้ไป ผลสรุปก็คือความเชื่อมั่นเค้าลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับเมื่อเดือนก่อน โดยผลตอบแทนคาดหวัง MSCI China ในอีก 12 เดือนข้างหน้าลดลงเหลือ 1.3% (จาก 2.9% เมื่อเดือนกันยา) ในขณะที่มากกว่า 1 ใน 3 ของผู้ตอบแบบสอบถามคิดว่าตลาดหุ้นจีนจะเคลื่อนไหวอยู่แถวนี้แหละไปจนถึงเดือนมกราปีหน้า (หุ้นจีนได้ขึ้นมาประมาณ 15% จากจุดต่ำสุดเมื่อเดือนกันยา) ในขณะที่ประมาณ 1 ใน 4 คิดว่าการ rally ของตลาดยังอยู่แต่จะไปค่อยๆ ลดลงในต้นปีหน้า โดยปัจจัยสำคัญที่คนเชื่อว่าจะมีผลตลาดหุ้นมากที่สุดเป็นเรื่องของ GDP growth ครับ


ด้วยเหตุนี้ผมจึงคิดว่าหุ้นไทยน่าจะซึมๆ แกว่งในกรอบแคบๆ แบบนี้ไปอีกซักพักครับ เว้นแต่จะมี surprise ในเรื่องการขึ้นดอกเบี้ยของ Fed (เลื่อนอีกไหม?) หรือธนาคารกลางในประเทศยักษ์ใหญ่อย่างจีน ญี่ปุ่น หรือกลุ่มยูโร ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อเสริมสภาพคล่องออกมาอีก ซึ่งนั่นก็จะเป็น upside risks ของตลาดจากนี้ไปจนถึงสิ้นปี 

ท้ายสุดผมขออนุญาตปิดท้ายบทความนี้ด้วยคำยืนยันจากคุณปรเมศร์ ทองบัว นักกลยุทธ์ที่คุมเป้าดัชนีตลาดหุ้นไทยของบัวหลวงเราครับ โดยคุณปรเมศร์ยังคงเป้า SET Index ปีนี้ที่ 1412 ในขณะที่เป้าปีหน้ายังให้ไว้ที่ 1623 ครับ



Wednesday, October 14, 2015

ฝรั่งมังค่าพาเพลิน

สวัสดีครับ,

เป็นที่น่าสนใจครับว่าเจ้าฝรั่งมังค่าได้ซื้อสุทธิสะสม (Net long) ใน SET50 futures ในรอบ 1 เดือนที่ผ่านมากว่า 6 หมื่นสัญญา คิดเป็นมูลค่าประมาณ 1.2 หมื่นล้านบาท ในขณะที่เริ่มกลับมาซื้อสุทธิหุ้นไทยในรอบกว่าสัปดาห์ที่ผ่านมามูลค่าประมาณ 6 พันล้านบาท ตรงนี้ผมเชื่อว่าเป็นอานิสงค์จากการที่ Fed ตัดสินใจไม่ขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมเมื่อเดือนก่อนครับ กอปรกับตัวเลขการจ้างงานของอเมริกาที่ยังดูอ่อนแอ ทำให้ตลาดคาดการณ์ว่าการขึ้นดอกเบี้ยอาจจะถูกเลื่อนไปเป็นปีหน้า ในขณะที่เศรษฐกิจจีนเองนักวิเคราะห์ก็เริ่มๆ มองว่าได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว ทำให้ sentiment โดยรวมของการลงทุนในตลาดเกิดใหม่ (EM) กลับมาสดใสอีกครั้ง



อีกทั้งถ้ามองไปที่ค่าเงินบาท (เส้นสีขาว) ก็จะเป็นว่ามันแข็งกระโป๊กเทียบกับ USD ในช่วงเดือนที่ผ่านมาเลยละครับ (จาก 36.64 เป็น 35.56 ล่าสุด) ซึ่งสาเหตุก็ไม่ต้องสืบ เป็นเรื่องเดียวกับที่ผมได้เกริ่นไว้ข้างต้นที่ทำให้ flow ไหลเข้ามา ซึ่งเป็นที่น่าสังเกตว่าหากเปรียบเทียบในรอบ 6 เดือนให้หลัง ทิศทางค่าเงินบาทได้วิ่งสวนทางกับดัชนี SET (เส้นสีเหลือง) อย่างมีนัยสำคัญ แปลว่าหากค่าเงินบาท (เทียบ USD) ยังแข็งอยู่อย่างนี้ หุ้นไทยน่าจะลัลล้าโลดเล่นไปได้อีกซักพักละครับ


ปิดท้าย มาดูมุมมองเจ้าฝรั่งมังค่าที่ว่าซักเล็กน้อยดีกว่าครับ ทาง Morgan Stanley ได้ออกเปเปอร์สุดหล่อตั้งแต่สัปดาห์ก่อน โดยเค้า call ว่าหุ้นในตลาดเกิดใหม่ (รวมถึงไทย) จะซิกแซกขึ้นไปได้ถึงสิ้นปีด้วยพลัง flows ไหลย้อนกลับ (ชั่วคราว) จากการที่ดอลลาร์อ่อนค่าเพราะเชื่อว่า Fed จะเลื่อนการขึ้นดอกเบี้ยออกไป ซึ่งตรงนี้น่าจะส่งผลดีต่อ commodities ด้วย โดยหากดูในเชิงพื้นฐานแล้วก็จะพบอีกว่ามันเสริมกันครับ เพราะตัวเลขการนำเข้าของอเมริกาดูดีขึ้นในช่วงที่ผ่านมาแปลว่าการส่งออกของประเทศในเอเชียก็น่าจะดีขึ้นด้วย (จีนเพิ่งประกาศตัวเลขส่งออกเมื่อวานดีกว่าคาดที่ -1.1%YoY ในขณะที่ตลาดคาด -7.4%YoY Yuan term) ในขณะที่อเมริกาเองก็ยังขาดดุลการค้ากับ EM อย่างต่อเนี่องในปริมาณที่เพิ่มขึ้น แปลว่าการที่ค่าเงินดอลลาร์จะกลับมาแข็งค่าหนักๆ ในช่วงนี้ “ยากส์” เพราะถูกตัวเลขดุลการค้ากดดันอยู่ (หมายเหตุ: ค่าเงินดอลลาร์อ่อนมักจะดีต่อหุ้นในตลาดเกิดใหม่รวมถึง commodities)
โชคดีในการลงทุนทุกท่านครับ