สวัสดีครับ,
ในช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมามี 2 เหตุการณ์ที่น่าสนใจที่น่าจะช่วยให้ตลาดหุ้นโลกรวมถึง SET เราน่าจะยังยืนเท้งเต้งแบบนี้ต่อไปได้ครับ เรื่องแรกก็คือการที่ประธาน ECB นาย Mario Draghi ออกมาส่งสัญญาณว่าเค้าอาจจะออกมาตรการกระตุ้นชุดใหม่ภายในเดือนธันวาปีนี้ (ดูซิว่า Fed จะกล้าขึ้นดอกเบี้ยสวนไหม) ส่วนอีกเรื่องก็คือเจ้า PBOC ที่ออกมาหั่นดอกเบี้ยพร้อมกับลด RRR เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและส่งสัญญาณว่าพร้อมที่จะสู้กับสภาวะเงินเฟ้อต่ำ ที่น่าสงสัยนิดๆ ก็คือทำไมเจ้าธนาคารกลางจีนนิชอบออกมาประกาศมาตรการกระตุ้นตอนวันหยุดนักนะ (วันอาทิตย์บ่อยมาก) หยั่งล่าสุดก็ประกาศเย็นวันที่ 23 ตุลา หลังตลาดปิด ด้วยเหตุนี้ในบทความนี้ผมเลยจะเจาะไปที่จีนซักหน่อยครับเพราะดูท่าพี่ท่านจะมีผลต่อ sentiment ตลาดหุ้นในภูมิภาคอยู่พอควรเลยละ ฮ่าๆๆ

เรื่องมันมีอยู่ว่า Morgan Stanley เค้าได้ไปทำการสำรวจนักลงทุนรวมถึงผู้จัดการกองทุนในจีนครับว่าคิดว่าเห็นอย่างไรกับตลาดหุ้นจีนจากนี้ไป ผลสรุปก็คือความเชื่อมั่นเค้าลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับเมื่อเดือนก่อน โดยผลตอบแทนคาดหวัง MSCI China ในอีก 12 เดือนข้างหน้าลดลงเหลือ 1.3% (จาก 2.9% เมื่อเดือนกันยา) ในขณะที่มากกว่า 1 ใน 3 ของผู้ตอบแบบสอบถามคิดว่าตลาดหุ้นจีนจะเคลื่อนไหวอยู่แถวนี้แหละไปจนถึงเดือนมกราปีหน้า (หุ้นจีนได้ขึ้นมาประมาณ 15% จากจุดต่ำสุดเมื่อเดือนกันยา) ในขณะที่ประมาณ 1 ใน 4 คิดว่าการ rally ของตลาดยังอยู่แต่จะไปค่อยๆ ลดลงในต้นปีหน้า โดยปัจจัยสำคัญที่คนเชื่อว่าจะมีผลตลาดหุ้นมากที่สุดเป็นเรื่องของ GDP growth ครับ

ด้วยเหตุนี้ผมจึงคิดว่าหุ้นไทยน่าจะซึมๆ แกว่งในกรอบแคบๆ แบบนี้ไปอีกซักพักครับ เว้นแต่จะมี surprise ในเรื่องการขึ้นดอกเบี้ยของ Fed (เลื่อนอีกไหม?) หรือธนาคารกลางในประเทศยักษ์ใหญ่อย่างจีน ญี่ปุ่น หรือกลุ่มยูโร ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อเสริมสภาพคล่องออกมาอีก ซึ่งนั่นก็จะเป็น upside risks ของตลาดจากนี้ไปจนถึงสิ้นปี
ท้ายสุดผมขออนุญาตปิดท้ายบทความนี้ด้วยคำยืนยันจากคุณปรเมศร์ ทองบัว นักกลยุทธ์ที่คุมเป้าดัชนีตลาดหุ้นไทยของบัวหลวงเราครับ โดยคุณปรเมศร์ยังคงเป้า SET Index ปีนี้ที่ 1412 ในขณะที่เป้าปีหน้ายังให้ไว้ที่ 1623 ครับ

No comments:
Post a Comment