Thursday, October 6, 2016

กำแพงหรือหน้าผา

สวัสดีครับ,

ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมาเรียกได้ว่าตลาดหุ้นไทยฉวัดเฉวียนขึ้นลงกันให้ใจหายอยู่หลายที ถ้าจำกันได้เมื่อต้นเดือนกันยาที่ผ่านมา SET Index ดูเหมือนกับจะแกว่งตัวอยู่แถวระดับ 1500 จุดได้อย่างไม่หวั่นเกรง แต่เนื่องจากปัจจัยทั้งภายในและภายนอกประเทศที่ปะทุขึ้นจนกดดันให้ดัชนีลงไปทำจุดต่ำสุดของเดือนที่ 1410 แต่หลังจากนั้นดัชนีก็ค่อยๆ ฟื้นคืนเมื่อความกังวลต่างๆ ค่อยๆ จางหายไป และล่าสุด (ราคาปิดวันที่ 4 ตุลา) SET Index ก็กลับมายืนเหนือระดับทางจิตวิทยาที่ 1500 จุดได้อีกครั้งครับ

จริงๆ แล้วฝรั่งมักจะเปรียบว่าตลาดหุ้นนั้นชอบปีน  “กำแพงแห่งความกังวล (Wall of worry)”  ตราบใดก็ตามที่นักลงทุนส่วนใหญ่ในตลาดยังกังวลอยู่ ไม่ว่าจะจากปัจจัยภายในหรือภายนอกประเทศ ปัจจัยทางเศรษฐกิจ การเมืองหรือสังคม ตลาดหุ้นก็มักจะค่อยๆ ไต่กำแพงขึ้นไปได้ แต่เมื่อใดก็ตามที่ความกังวลหายไป ความมั่นใจกลับมา พร้อมกับความฮึกเหิมของนักลงทุน เมื่อนั้นอาจจะเป็นเวลาที่ตลาดหุ้นดิ่ง “หน้าผาแห่งความหวัง (Slope of hope)”  ก็เป็นได้ครับ ทั้งนี้หากลองเปรียบเทียบกับเหตุการณ์ธรรมชาติ ท้องฟ้าคลื่นลมก็มักจะสงบเงียบก่อนที่สึนามิหรือคลื่นใหญ่จะมาอยู่แล้ว

where_the_bulls_are

สุดท้ายของบทความนี้ ผมอยากจะพลิกมุมมาเล่าถึงตัวเลขเศรษฐกิจหนึ่งซึ่งก็คือตัวเลขเงินเฟ้อทั่วไป (Headline inflation) ของเดือนกันยาที่เพิ่งประกาศออกมาครับ ที่น่าสนใจก็คือตัวเลขนี้เป็นบวกต่อเนื่องมา 6 เดือนติดต่อกันแล้ว แม้จะยังไม่ได้สูงมาก (บวกเพียง +0.38% จาก +0.29% เมื่อเดือนก่อน) และการขึ้นหลักๆ ก็มาจากราคาอาหารสดโดยเฉพาะผักและผลไม้ที่ถูกปรับขึ้นจากผลกระทบน้ำท่วม แต่หากลองดูอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน (Core inflation) ที่หักราคาอาหารสดและพลังงานออกแล้ว ก็พบว่ายังเป็น +0.75% ซึ่งตัวเลขเงินเฟ้อเหล่านี้แม้จะขึ้นเพียงช้าๆ แต่ก็พอจะทำให้เราตีความได้ครับว่า หากไม่มีเหตุการณ์หรือวิกฤตอะไรร้ายแรงเกิดขึ้นในประเทศ อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (รวมถึงอัตราดอกเบี้ยอื่นๆ) ในบ้านเราน่าจะผ่านพ้นจุดต่ำสุดไปแล้ว และธนาคารแห่งประเทศไทยอาจจะมีโอกาสปรับดอกเบี้ยนโยบายขึ้นได้ซัก 1 ครั้งในปีหน้าตามแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยในสหรัฐอเมริกา ทั้งนี้เพราะเรื่องดอกเบี้ยนั้นจะมีผลกระทบต่อการประเมินมูลค่าหุ้น เราจึงควรติดตามไว้ไม่เสียหลายครับ

No comments:

Post a Comment