สวัสดีครับ,
ห่างหายกันไปหลายเดือนเนื่องด้วยช่วงที่ผ่านมาผู้เขียนติดภารกิจหลายอย่าง
กลับมาครั้งนี้เลยอยากจะขอสรุปภาพรวมการลงทุนในปี 2016 และเล่าถึงแนวโน้มเศรษฐกิจและการลงทุนในปี 2017 ครับ
ในปี 2016 นั้น
ต้องบอกว่าตลาดหุ้นไทยให้ผลตอบแทนดีติดอันดับต้นๆ ของโลกเลยนะครับ
เพราะบวกไปถึงเกือบ 20% ในรูปเงินบาท
ซึ่งหากมองในรูปค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ
ผลตอบแทนก็แทบจะไม่ต่างกันครับเนื่องจากค่าเงินบาทนั้นปิดสิ้นปีในระดับที่ใกล้เคียงกับเมื่อต้นปีที่แถว
36 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ (แม้จะเคยแข็งค่าไปถึง 34.487 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ เมื่อเดือนสิงหาคม)
สาเหตุหนึ่งที่ทำให้หุ้นไทยขึ้นมาได้ดีนั้น
เชื่อว่าเป็นเพราะนักลงทุนต่างชาติเชื่อมั่นและกลับมาเป็นผู้ซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไทยทั้งปีเกือบ
8 หมื่นล้านบาท (และซื้อสุทธิใน SET50 index futures อีกกว่า 2 แสนสัญญา)
รวมถึงผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่โตได้ดีขึ้นมากหลังจากถดถอยมา 2 ปีติด
จริงๆ แล้วตัวเลขซื้อสุทธิ 8 หมื่นล้านบาทนั้นเหมือนจะดูเยอะนะครับ แต่หากเราย้อนไปดูช่วงปี 2013-2015 พบว่านักลงทุนต่างชาติเป็นผู้ขายสุทธิหุ้นไทยถึงเกือบ 4 แสนล้านบาท (สาเหตุหลักที่เค้าขายตอนนั้นเป็นเพราะธนาคารกลางสหรัฐฯ ได้ประกาศลดการใช้มาตรการ QE จนยกเลิกไปในที่สุด) ฉะนั้นการที่เค้ากลับมาซื้อสุทธิในปี 2016 เพียงส่วนหนึ่ง ไม่ได้การันตีว่าเค้าจะต้องซื้อต่อเนื่องในปี 2017 เพราะในภาพใหญ่นั้นยังเป็นการขายสุทธิอยู่ อีกทั้งหากธนาคารกลางสหรัฐฯ ยังคงขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องในปี 2017 โอกาสที่เงินจะไหลกลับมาในภูมิภาคอาเซียนรวมถึงไทยนั้นก็ยิ่งลดลง
อย่างไรก็ดี ผู้เขียนเห็นว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2017 นั้นมีแนวโน้มที่น่าจะดีขึ้นได้ต่อเนื่องครับ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจหลักของโลกอย่างสหรัฐฯ (จากการที่เค้าได้ประธานาธิบดีใหม่ไฟแรงที่ชื่อว่า โดนัลด์ ทรัมป์ ที่เป็นนักธุรกิจผู้ช่ำชองและเคยล้มเหลวมาก่อน) รวมถึงยุโรปและญี่ปุ่นที่กำลังฟื้นตัวอย่างช้าๆ น่าจะช่วยให้การค้าโลกดีขึ้นและส่งผลไปถึงการส่งออกที่คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 60-70% ของ GDP ไทย ให้ดีขึ้นตามไปด้วย นอกจากนี้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ ของภาครัฐ หรือที่ทางเศรษฐศาสตร์เรียกว่า มาตรการทางการคลัง (Fiscal policy) กำลังเป็นเครื่องมือสำคัญที่ทำให้เกิดแรงกระเพื่อม (Ripple effect) ให้ภาคเอกชนกลับมาขยายการลงทุน ในขณะที่แบงก์ชาติเองน่าจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 1.5% ไปอย่างน้อยจนถึงไตรมาส 3 ปี 2017 ทั้งนี้ เพื่อให้นโยบายการเงินอยู่ในระดับที่ผ่อนคลายต่อเนื่องและช่วยสนับสนุนให้นโยบายการคลังที่ดำเนินโดยภาครัฐเป็นอย่างมีประสิทธิภาพ เป้าสุดท้ายที่พวกเราทุกคนอยากเห็นก็คือ เศรษฐกิจไทยในปี 2017 สามารถกลับมาเติบโตได้ที่ระดับ 4% อีกครั้ง
ในด้านความเสี่ยงนั้น หากเปรียบมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเป็นดังกองหน้าทีมฟุตบอลที่คอยจ้องยิงประตู การตระหนักถึงความเสี่ยงและเฝ้าระวังก็เปรียบดังกองหลังที่คอยปัดป้องไม่ให้ทีมถูกยิงประตู ความเสี่ยงหนึ่งที่ผู้เขียนรู้สึกกังวลก็คือหนี้ครัวเรือนในบ้านเราที่อยู่ในระดับสูงกว่า 80% ของ GDP มาซักพัก จริงอยู่ที่วิกฤตเศรษฐกิจโลกส่วนใหญ่ในประวัติศาสตร์มักมีที่มาจากปัญหาสถาบันการเงิน แต่หากมองให้ลึก รากเหง้าของวิกฤตทั้งหลายก็มาจาก “หนี้” ทั้งนั้น ที่ยังสบายใจได้ก็คือสถาบันการเงินในบ้านเรานั้นมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งพอสมควรเลยละครับ แต่การที่หนี้ครัวเรือนอยู่ในระดับสูงนี้กำลังสะท้อนว่าประชาชนส่วนใหญ่กำลังใช้จ่ายเกินตัว ซึ่งอาจก่อให้เกิดปัญหาอื่นตามมาในภายหลังได้ โดยจากการศึกษาของธนาคารเพื่อการชำระหนี้ระหว่างประเทศ (Bank for International Settlements: BIS) ในปี 2554 พบว่าหนี้ครัวเรือนที่ระดับ 85% ของ GDP อาจก่อให้เกิดผลลบต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจได้ ทั้งนี้ หนี้ครัวเรือนตามนิยามของธนาคารแห่งประเทศไทย หมายถึง เงินให้กู้ยืมที่สถาบันการเงินให้แก่บุคคลธรรมดาที่มีถิ่นที่อยู่ในประเทศ ไม่รวมหนี้นอกระบบ แปลว่าตัวเลขการเป็นหนี้ของคนไทยแท้จริงแล้วคงจะอยู่สูงกว่านี้อีกครับ
กล่าวโดยสรุป การลงทุนในตลาดหุ้นไทยในปี 2017 นั้นคงจะเป็นอีกปีที่ท้าทาย
เพราะเศรษฐกิจไทยแม้มีโอกาสสูงที่จะเติบโตได้ดีกว่าปี 2016 แต่ก็มีความเสี่ยงที่ต้องระวัง
(ผู้เขียนยังไม่ได้กล่าวถึงความเสี่ยงจากวิกฤตค่าเงินริงกิตของมาเลเซีย
หากมีโอกาสจะกล่าวถึงในคราวถัดไป) อีกทั้งหุ้นไทยก็ได้ขึ้นมามากแล้วในปี 2016 โอกาสที่จะขึ้นต่อแรงในปี 2017 นั้นจึงไม่ง่าย
หากผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนไม่ได้เติบโตขึ้นตามหรือแรงขายจากนักลงทุนต่างชาติกลับมาอีกครั้ง
ทั้งนี้ ทิศทางราคาน้ำมันก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ควรติดตามครับ โดยกลุ่ม ปตท.
คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบดูไบปี 2017 อยู่ที่ 50-55 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
และคาดว่าความต้องการน้ำมันดิบโลกจะเพิ่มขึ้น 1.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัว
ท้ายนี้ ผู้เขียนขอให้ผู้อ่านทุกท่านมีความสุขในการลงทุน
สุขภาพแข็งแรง และร่ำรวยยิ่งๆขึ้นไป ในศุภมงคลสมัยขึ้นปีใหม่ 2560 นี้ครับ
31 ธค 2559