Wednesday, February 20, 2013

ยุคใหม่ที่กำลังจะมาถึง

สวัสดีครับ,
เขียนเมื่อ 20 กุมภาพันธ์ 2556

จนถึงเพลานี้พี่น้องคงทราบแล้วครับว่าเศรษฐกิจประเทศไทยโตกระชากใจหนุ่มๆสาวๆเพียงใด.. แม้ว่าตัวเลข +18.9% yoy ในไตรมาส 4 ปี 2555 จะเกิดจากฐานต่ำเมื่อปลายปี 2554 (ที่น้ำท่วมกระชากจิตใจทำให้กระผมต้องเปลี่ยนฐานที่มั่นไปอยู่โรงแรมย่านสีลมชั่วคราว).. แต่นั่นก็เป็นการส่งสัญญาณว่าเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวไม่ได้กระทบต่อเศรษฐกิจไทยเท่าใดเลย ซึ่งตรงนี้ต้องขอยกผลประโยชน์บางส่วนให้กับนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลในช่วงที่ผ่านมาด้วยครับ

พอรวมเป็นตัวเลขทั้งปี 2555 ทำให้ GDP ไทยเลขที่ออกเป็น +6.4% สูงกว่าที่คาดที่ +5.5% พอสมควร.. (ใครใคร่นำไปซื้อเลขท้ายก็ได้แต่อาจไม่ถูก เพราะเค้าเก็งเลขอื่นกันอยู่ อิอิ) ซึ่งถ้าจะพูดให้สวยหน่อยก็ต้องบอกว่า เศรษฐกิจไทยกลับมาขยายตัวในอัตราเร่งอีกครั้ง.. เนื่องจากหลังจากที่เราโตกระฉูดในไตรมาสแรกปี 2555 (เทียบ QoQ).. เศรษฐกิจเราก็แผ่วเบามาตลอดในไตรมาส 2 และต่อเนื่องถึงไตรมาส 3 ปีเดียวกัน.. เลยทำให้นักวิเคราะห์ทั้งหลายมองว่าไตรมาส 4 ปี 55 ก็น่าจะแผ่วเบาต่อไป แต่! หารู้ไม่ว่าท่านประเมินสยามเมืองยิ้มต่ำไปเสียแล้ว.. ฮ่า ฮ่า ฮ่า.. ไตรมาส 4 จัดไป +18.9% yoy ซะเลย.. นำโดยพี่ใหญ่การลงทุน (+23.5% yoy) น้องรองการบริโภค (+12.2% yoy) และเจ้ส่งออก (+13.5% yoy).. ส่วนปีนี้ 2556 ที่คาดกันว่าจะโต 4.5-5.6% ไม่แน่นะอาจจะแรงกว่านี้ก็ได้.. ปรับประมาณการกันให้ทันละครับ คิคิ


และนี่อาจจะเป็นหนึ่งในสาเหตุว่าทำไมต่างชาติเค้าถึงมั่นใจในตลาดหุ้นไทยนักหนา (ขนเงินมาลงทุนอยู่ได้ แง้วๆ) โดยเวปไซด์ CNNMoney ถึงกับพาดหัวใหญ่สุดๆลงหน้าแรกเลยครับว่า “THAILAND’S RAPID RECOVERY” เมื่อวันที่ 19 ก.พ.ที่ผ่านมา.. กระต๊าก! บ่งบอกว่าเค้าให้ความสำคัญกับเรามากส์!! ด้านมูลค่าตลาดหุ้นไทยก็ต้องบอกว่าโอ้แม่เจ้า เพราะขึ้นไปถึง 13 ล้านล้านบาท (เพิ่มขึ้นกว่า 9 ล้านล้านบาทในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา) สูงกว่า GDP ของประเทศ ณ บัดนาวถึง 1.13 เท่า.. ร้อนแรงมาก.. คืองี้ครับ โดยปกติแล้วมูลค่าตลาดหุ้นไทย (Market Cap) จะอยู่ต่ำกว่า GDP มาโดยตลอด มีแค่ช่วงปี 2537-38 เท่านั้นที่ขึ้นมาเกิน แล้วหลังจากนั้น คงไม่ต้องบอกว่าเกิดอะไรขึ้น… อ๊ะๆ แต่อย่างเพิ่งเข้าใจว่าผมยกตัวเลขนี้มาเพื่อบอกว่าตลาดจะ crash เหมือนในอดีตนะครับ.. หากแต่เพื่อให้ทราบไว้จะได้ไม่ประมาท เพราะเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันมักเกินขึ้นในช่วงที่คาดฝันอยู่เสมอ.. อย่างไรก็ดี ผมคงต้องบอกว่าจากนี้ไปเรากำลังเข้าสู่ยุคใหม่ที่แจ่มว้าวกว่าเดิม ด้วยปัจจัยหลายๆอย่างที่แตกต่างจากในอดีตอยู่มาก (ตอนที่เราพยายามเป็นเสือตัวที่ 5 แต่กลับเป็นแมลงสาบตัวที่ 1) AEC ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า.. ก็ขอเอาใจช่วยทุกท่านในยุคใหม่ที่กำลังจะมาถึงครับ  

Wednesday, February 13, 2013

ลดดอกเบี้ยดีอย่างไร vs ไม่ลดดีกว่าไหม

สวัสดาคริบ สวัสดีครับ,
เขีนเมื่อ 13 กุมภาพันธ์ 2556


สัปดาห์ที่แล้วพร่ำพรรณาไปว่าคีย์ order SET50 futures 4 หลัก (หลักพัน) ช่างปวดสายตาเสียนิกระไร.. ไม่ทันไร! เหมือนมีเจ้าไม้เจ้ามือท่านได้ยินครับ ช่วยบันดาลให้ลงมาเหลือ 3 หลัก (หลักร้อย) ในบัดดล อิอิ.. สถานการณ์จากนี้ไปจนถึงกลางสัปดาห์หน้า ความผันผวนจะยิ่งทวีคูณครับ.. เพราะยิ่งเข้าใกล้วันเชงเม้ง เอ้ย วันประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (Monetary Policy Committee) ในวันที่ 20 ก.พ. ศกนี้.. พี่น้องครับ! ลด/ไม่ลดดอกเบี้ยดีครับ?

ลดดอกเบี้ยดีอย่างไร (มุมมองฝั่งรัฐบาล) 
เนื่องจากดอกเบี้ยนโยบายของไทยในขณะนี้ที่ 2.75% อยู่สูงกว่าหลายประเทศในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว (เช่น ยุโรป + อเมริกา + ญี่ปุ่น) โดยเฉพาะอเมริกาที่ผมขอขนานนามว่า เจ้าแห่งนักอัดฉีดสภาพคล่องที่พิมพ์เงินจำนวนมหาศาลทุกเดือนแถมอัตราดอกเบี้ยนโยบายของเค้า (Fed Fund Rate) ยังอยู่ต่ำเตี้ยติดพสุธาที่ 0.25%.. ทำให้ฝรั่งขนเงินหรือกู้เงินจากประเทศที่ดอกเบี้ยต่ำๆ เช่นนี้ (Carry Trade) มาลงทุนในประเทศที่ดอกเบี้ยสูงกว่าเช่นไทย (+ +) จึงทำให้ค่าเงินบาทแข็งกระโป๊กขึ้นมาทันตา.. ไงละ ผู้ส่งออกเดือดร้อนสิคร้าบ โดยเฉพาะธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก (SME).. ดังนั้นหากมีการลดดอกเบี้ยจะช่วยชะลอการไหลเข้าของเงินทุน ซึ่งค่าเงินบาทอาจจะกลับมาอ่อนค่าในระยะสั้นได้อีกครั้ง แฮ่ๆ

ไม่ลดดอกเบี้ยดีกว่าไหม (มุมมองฝั่งแบงค์ชาติ) 
ผู้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทยมองว่าอัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่าเป็นเพียงปัจจัยหนึ่งเท่านั้นที่ทำให้เกิดเงินทุนไหลเข้า.. ท่านให้เหตุผลว่าในสถานการณ์ที่เงินเฟ้อมีแนวโน้มสูงขึ้น (เพราะผลจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆของรัฐบาล เช่น ค่าแรง 300 บาท ทำให้ราคาสินค้าแพงขึ้น) แต่ไปลดดอกเบี้ยลง (ทำให้ดอกเบี้ยที่แท้จริงติดลบมากขึ้น) อาจทำให้เกิดปัญหาต่อระบบเศรษฐกิจในระยะยาวได้.. เพราะเมื่อดอกเบี้ยต่ำ จะทำให้คนรู้สึกไม่อยากฝากเงินกับธนาคารแต่อยากขนเงินมาลงทุนในตลาดหุ้นหรืออสังหาริมทรัพย์มากขึ้น.. อีกทั้งเป็นการกระตุ้นการกู้ยืม ซึ่งอาจก่อให้เกิดปัญหาฟองสบู่ตามมาได้

ข้อสรุปผมขอไม่สรุปละกันว่าวิธีไหนดีกว่าเพราะเป็นการคิดทางเศรษฐศาสตร์และอยู่เหนือความสามารถผมขึ้นไปยิ่งนัก.. แต่หากมีการลดดอกเบี้ยเกิดขึ้น ตรงนี้อย่างที่บอก.. ตลาดหุ้นจะกลับมากระชุ่มกระชวยยิ่งขึ้นไปอีก.. หุ้นใหญ่ๆที่แผ่วเบา อาจจะกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง รวมถึงกลุ่มอสังหาที่น่าจะมีโมเมนตัมให้เล่นไปได้ต่อ อีกทั้งค่าเงินบาทก็จะกลับมาอ่อนค่าในระยะสั้น.. แต่หากไม่ลด ก็ไม่มีอะไร ชิลๆต่อไป


Tuesday, February 5, 2013

ความผันผวนขั้นเทพ

สวัสดีครับ,
เขียนเมื่อ 6 กุมภาพันธ์ 2556

สัปดาห์ที่ผ่านมาต้องบอกว่าตลาดบ้านเราสวีวี่วีมากครับ ขึ้นพรวดลงพราด.. แต่สุดท้ายก็ยังรักษาเทรนขาขึ้นไว้ได้เหมือนเดิม (เย้) พี่ใหญ่ที่หลับใหลมานานอย่าง PTT ก็ฟื้นตื่นขึ้นมาด้วยแรงปลุกจากเหล่าฝรั่งมังค่า (ทั้งหัวดำหัวขาว).. เหล่าธนาคารขาโจ๋อย่าง BBL, KBANK, และ KK ก็เดินหน้าต่อไม่บันยะบันยัง.. โจ้ย! แต่สิ่งที่ต้องระวังจากนี้ก็คือสถานการณ์ทางการเมืองในยุโรปไม่ว่าจากอิตาลีหรือสเปน ซึ่งแม้ผมจะมองว่าแท้จริงแล้วก็เป็นเรื่องปกติในการเปลี่ยนขั้วทางการเมือง แต่นักลงทุนอาจหยิบยกประเด็นนี้ขึ้นมาเป็นเหตุผลในการขายทำกำไรได้ (ใครๆก็รอลง) อีกทั้งถ้าการประชุมของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในวันที่ 7 ก.พ. นี้มีประเด็นอะไรที่น่าตกใจออกมา.. ตลาดอาจจะมีเหวี่ยงแรงๆให้เห็นอีกหลายรอบครับ

ด้านสถานการณ์ในตลาดอนุพันธ์ นักเก็งกำไรท่านใด Short ไว้ก็อาจเหนื่อยหน่อย ต้องรีบปิด position ให้ทันกันจ้าละหวั่น.. เพราะถึงแม้ตลาดจะลงแรงแต่ก็เด้งแซงทางโค้งซะงั้น.. กระต๊าก! ในขณะที่ความรู้สึกผมตอนนี้คือไม่คุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูก.. เพราะตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยคีย์ order SET50 Futures ที่ราคา 4 +1 หลักมาก่อน (หลักพัน+ทศนิยมหนึ่งตำแหน่ง) มันรู้สึกตะหงิดๆอยากกลับไปคีย์ที่ราคาต่ำกว่า 4 หลักยังไงก็ไม่รู้ อิอิ.. อย่ากระนั้นเลย แม่นาง.. วันนี้ข้าน้อยมีอาวุธลับใหม่มาแนะนำขอรับ บางท่านอาจจะคุ้นเคย บางท่านอาจจะยังไม่ทราบ แต่นิแหละคือศาตราที่เหล่าจอมยุทธ์แห่งสำนักบัวหลวงใช้ในการประเมินความผันผวนของตลาดกันอย่างมันส์มือ.. สิ่งนั้นมีนามว่า Bull-To-Bear ratio 

วิธีดูก็ง่ายแสนง่ายครับ กราฟด้านบนคือสัญญาณสำหรับระยะสั้น ด้านล่างคือสำหรับระยะกลาง (โดยเราจะให้น้ำหนักระยะกลางมากกว่า) โดยปัจจุบัน Bull-To-Bear ratio (เส้นสีน้ำเงิน) ขึ้นไปแตะ High Risk Zone (เส้นสีแดง) ครบทั้ง 2 กราฟแล้ว.. นั่นหมายถึงตั้งแต่ต้นสัปดาห์นี้จนถึงสัปดาห์หน้า ตลาดน่าจะเข้าสู่ช่วงพักผ่อน (Mild correction) อาจจะมีคลื่นลมกรรโชกแรงเป็นระยะๆ เรือเล็กไม่ควรออกจากฝั่ง คิคิ.. โดยจอมยุทธ์พี่นิดและพี่ตุ๊แห่งสำนักบัวหลวงประเมินความแรงไว้ที่ระดับไม่เกิน 5% **หมายเหตุ: จุดเสี่ยงที่จะทำให้ประเมินผิดคือ เรื่อง Liquidity เนื่องจากปัจจัยดังกล่าวไม่สามารถ factor in เข้ามาใน models ได้

เอาละก็พอหอมปากหอมคอหอมหวนกันเท่านี้ครับ.. ใครสงสัยอะไรเพิ่มเติมเกี่ยวกับเครื่องมือ Bull-To-Bear ratio ก็ปรึกษาพี่นิดพี่ตุ๊โดยตรงได้เลยนะ.. 2 ท่านนี้ฝีมือสุดยอดจริงๆ อาวุธตรึม! แล้วพบกันใหม่สัปดาห์หน้าครับ

Tuesday, January 29, 2013

เรื่องของความรู้สึกดีๆ

สวัสดีครับ,
เขียนเมื่อ 30 มกราคม 2556 

สัปดาห์ที่ผ่านมาต้องบอกว่าไม่รู้จะจับตาอะไรดี เพราะจับไปยายก็ว่า.. เย้ยย! เพราะจับไปหุ้นไทยก็ขึ้นเอาๆ โดยเฉพาะหุ้นธนาคารกรุงเทพที่ขึ้นแบบทะยานฟ้าไปปิดที่ 212 บาทเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ห่างจากจุดสูงสุดเดิมเมื่อปี 1996 แค่ 48 บาท..  เพราะเห็นเค้าว่ามีโบรกต่างชาติรายหนึ่งอัพเกรดโดยให้เหตุผลว่า P/BV ยังถูก และจะเติบโตไปพร้อมกับการใช้จ่ายในการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ ต่างจากบางธนาคารที่ยึดลูกค้ารายย่อยเป็นหลัก.. อ่ะจริงดิ (+ +) อ๊ะ อ๊ะ นั่นอะไร!? ผมหันขวาไปพร้อมกับพบกับวารสารเล่มบางนามว่า Thai Investors’ Watch.. เนื้อหาสาระกำลังดี แถมแจกฟรีให้ถึงที่ทำงานแบบนี้ต้องขอเบิ่งซักกะหน่อย.. กระต๊าก! เปิดไปเจอคอลัมภ์ท่านปรมาจารย์นิเวศน์ ท่านเตือนว่า..

การลงทุนในตลาดหุ้นปีงู 2556 ไม่ใช่เรื่องง่าย นักลงทุนต้องใช้ความระมัดระวังและคิดให้รอบคอบก่อนที่จะลงทุน เพราะแม้ทุกอย่างจะดูดี แต่ราคาหุ้นได้มีการปรับตัวขึ้นไปมาก ทำให้การลงทุนก็คงค่อนข้างลำบาก ที่หวังจะซื้อหุ้นในราคาถูกๆคงเป็นเรื่องยาก เพราะโอกาสที่ราคาหุ้นจะปรับตัวลดลงคงเป็นไปได้น้อย

การบริโภคภายในประเทศ การลงทุนภาคเอกชน การใช้จ่ายของภาครัฐในโครงการใหญ่ๆ จะเป็นตัวกระตุ้นทำให้ตลาดหุ้นบูมขึ้นมาได้ อาจมี Over Value ตลาดหุ้นอาจจะมีการดีดตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องอันตราย เพราะการขึ้นของตลาดไม่ได้เกิดจากปัจจัยพื้นฐาน แต่เป็นเรื่องของความรู้สึกดีๆ ซึ่งตรงนี้ก็ต้องระวัง

ผมขออนุญาตตัดมาให้อ่านเนื้อๆ ดัง 2 ประเด็นด้านบน และขอสรุปประเด็นสุดท้ายที่ท่านปรมาจารย์เน้นว่าต้องระวังในปีนี้ก็คือ หุ้นกลุ่มใดก็ตามที่อิงกับต่างประเทศมากๆ โดยหลักๆ จะมีอยู่ 2 กลุ่ม ได้แก่ 1. กลุ่มบริษัทที่ค้าขายกับต่างประเทศ เช่น ธุรกิจส่งออก เนื่องจากเศรษฐกิจโลกที่ยังไม่ฟื้นตัวดีอาจมีแรงกระแทกต่อเนื่อง และ 2. กลุ่มที่นักลงทุนต่างประเทศช้อบชอบ เพราะแม้จะไม่เกี่ยวกับต่างประเทศโดยตรง แต่วัยรุ่นชาวไทยต้องระวัง เพราะหากเค้าถอนเงินไปเมื่อไหร่.. พื้นฐานก็พื้นฐานเถอะครับ ระยะสั้นหุ้นก็ถูกกระซวกได้เหมือนกัน.. สวัสดี 

Wednesday, January 23, 2013

เพราะมันมีจังหวะของมัน

สวัสดีครับ,
เขียนเมื่อ 23 มกราคม 2556
 
“Brokers must suggest how to invest in a risky stock rather than only suggest to invest” นิเป็นคำเตือนจากกรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ จรัมพร โชติกเสถียร เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาท่ามกลางตลาดที่มีหุ้นมากกว่า 60 ตัวที่ P/E ทะลุ 40 เท่า.. กระต๊าก! ซึ่งหุ้นพวกนี้แหละที่เป็นตัวการสำคัญในการทำให้ SET Index สูงแล้วสูงอีกสูงปรู๊ดๆในช่วงต้นปีที่ผ่านมา.. ลองเบิ่งรูปนี้ครับ จะเห็นภาพชัดขึ้นว่าเจ้าหุ้นนอก SET100 มีสัดส่วนการซื้อขายมากขึ้นเท่าไร


นขณะที่ มูลค่าการซื้อขายก็ขึ้นจี๊ดถึงใจนะไม่แพ้กันนะฮะ.. เฉลี่ยอยู่ที่ราว 5.2 หมื่นล้านบาทต่อวัน เทียบกับปีที่แล้วแค่ 3.1 หมื่นล้านเท่านั้น.. มะ มะ แม่เจ้า.. อย่ากระนั้นเลย พ่อหนุ่ม.. ว่าแต่ค่าเงินบาทช่วงนี้ทำไมท่านช่างแข็งโป๊ะเยี่ยงนี้ (- -) หวังว่าท่านเหล่าเซียนในแบงก์ชาติคงจะไม่ทำอะไรตื่นเต้ลเหมือนเมื่อปลายปี 2549 ที่จัดหนักจัดมาตรการกันสำรอง 30% สำหรับเงินทุนต่างชาติอีกนะขอรับ (ช่วงนั้นเงินบาทก็แข็งค่าราว 4% จาก 36.5 เป็น 35.15 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐใน 1เดือน).. นึกแล้วก็เสียว เพราะหุ้นไทยลงจี๊ดถึงใจทันทีในช่วงเช้าวันที่ 18 ธ.ค. 49 ถึง 108 จุด หรือ 14.84% และ market cap หายวับไปกับสี่ตา 8.6 แสนล้านบาททันทีที่ทราบข่าว ก่อนที่มาตรการนี้จะถูกยกเลิกอย่างด่วนในเวลาถัดมา.. ฮ่าๆ ยังไม่ต้องตกใจนะครับพี่น้อง.. แม้สถานการณ์ตอนนี้จะมีบางอย่างคล้ายกัน เงินไหลเข้ามามากเหมือนกัน.. แต่ก็มีปัจจัยหลายอย่างที่ต่างกัน โดยเฉพาะผู้กุมบังเหียนนโยบายการเงินที่เป็นคนละท่านกัน.. ศึกษาอดีตไว้เรียนรู้ เพราะมันมีจังหวะของมัน แต่ (ผมว่า) ไม่ซ้ำรอยหรอกนะ.. History doesn’t repeat itself, but it does rhyme.


สุดท้ายอยากฝากคำคมเจ๋งๆจากพี่เคี้ยว พีรพงศ์ จิระเสวีจินดา CIO บลจ.บัวหลวงที่พูดเมื่องานสัมมนาเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาครับว่า “Be bullish in bull market” อย่าไปกลัว แต่ให้ลงทุนอย่างระมัดระวังและรอบคอบ” Good luck ครับ