Wednesday, March 12, 2014

สัญญาณปิ๊ปๆ

สวัสดีครับ,
เขียนเมื่อ 12 มีนาคม 2557


ตลาดหุ้นไทยช่วงนี้ต้องขอใช้คำว่า ขะ ...แข็งแกร่ง อาจเป็นเพราะตั้งแต่วันที่ 28 กุมภาพันธ์ เป็นต้นมา ฝรั่งได้กลับมาซื้อสะสมหุ้นไทยซึ่งนับจนถึงปัจจุบัน (11 มี.ค.) เป็นมูลค่ากว่า 6000 ล้านบาทแล้ว.. แต่กระนั้นก็ตามบริษัทฝรั่งยักษ์ใหญ่ของโลกอย่าง Morgan Stanley กลับออกเปเปอร์สะท้านปฐพี -- เชือดน้ำหนักการลงทุนในไทยลงเป็นต่ำกว่าตลาดครับ (Underweight) เหตุผลก็คือ..

       1.  อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจไทยห่อเหี่ยว
       2.  ความเสี่ยงด้านการเมืองสูงขึ้น รวมถึงคะแนนด้านการกำกับดูแลกิจการ (Corporate Governance) ลดลง
       3.  ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนไทยผิดคาดมากๆ (มากกว่า 60% ที่รายงานกำไร 4Q13 ต่ำกว่าคาด) โดยเฉพาะกลุ่มพลังงาน
       4.  มูลค่าพื้นฐานเช่น PE หรือ PB ยังสูงกว่าค่าเฉลี่ย 10 ปี
       5.  เครื่องมือทางเทคนิคที่ส่งสัญญาณขายมากเกินไป (oversold) มีจำนวนน้อยลงมากเมื่อเทียบกับ 2 เดือนก่อน (แปลว่าหุ้นได้ปรับขึ้นมาพอสมควรแล้ว)
  
ปัจจัยทั้ง 5 ข้อนี้ ส่งผลให้ quant model ของ Morgan Stanley ส่งสัญญาณปิ๊ปๆ ปรับน้ำหนักตลาดหุ้นไทยจาก ลงทุนเท่ากับตลาด (Equal weight) เป็น ต่ำกว่าตลาด (Underweight) ทันที
  
และล่าสุด สดๆ ร้อนๆ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (Monetary Policy Committee) ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% เหลือ 2%โดยประเมินว่าเศรษฐกิจไทยมีความเสี่ยงมากขึ้น และคาดการณ์ว่า GDP ปีนี้จะขยายตัวต่ำกว่า 3% จากปัญหาการเมืองในประเทศที่ยืดเยื้อ ... stay calm, stay invested นะครับ

Wednesday, February 26, 2014

ไม่ผิดใช่ไหม?

สวัสดีครับ,
เขียนเมื่อ 26 กุมภาพันธ์ 2557

ช่วงนี้ใครมานั่งทำนายตลาดก็คงเหนื่อยอยู่ซักหน่อย บ้างก็ว่า SET Index ทะลุแนวต้านสำคัญและได้เปลี่ยนแนวโน้มเป็นขาขึ้นไปแล้ว บอกอย่างนี้ตั้งแต่สัปดาห์ก่อนแต่ไหงก็ลงพรวดจาก 1330 มาไต่อยู่แถว 1300 ซะงั้น... บ้างก็ว่าตลาดเราขึ้นไม่ได้ดอก ก็แหมเล่นมีข่าวตูมตามรายวันขนาดนั้น มันต้องลง ลง ลง ซิ แต่ไหงแช่งให้ลงยังไงก็ยังเกาะๆอยู่แถว 1300 แน่นเหนียวหยั่งกับเตมังตังเม

เอายังไง?

อย่าหาว่าผมโง้นงี้เลยครับ ขนาดทีม US Equity Strategy ของ Morgan Stanley เองยังออก research ฉบับล่าสุดเมื่อวันจันทร์แนวตัดพ้อว่าเมื่อปี 2011 เค้าคอลตลาดไม่ค่อยดี ซึ่งถูก; ปี 2012เค้าคอลตลาดไม่ค่อยดีอีกเช่นกัน แต่ผิด; ปี 2013เค้าคอลตลาดดี ซึ่งกลับมาถูกใหม่; ส่วนปีนี้ 2014 เค้าคอลตลาดดี... แล้วมันจะผิดไหม?

คือเค้ากำลังสงสัยว่ามันอาจจะเป็นรูปแบบ 2x2 grid นะครับ หมายถึง ถูกปี ผิดปี ถูกปี แล้วอาจจะกลับมาผิด? ซึ่งนั่นก็หมายถึงในปี 2014 นี้ (ถ้าเค้าคอลผิด) ตลาดคงจะไม่ค่อยดีทั้งปี (Bearish) เป็นแน่แท้

เห็นไหมครับ ขนาดผู้เชี่ยวชาญระดับโลกให้เค้ามาทำนายทิศทางตลาดโอกาสถูกยังมีเพียง 50% เพราะฉะนั้นผมจึงมิอาจเอื้อมไปทำนายแข่งกับเขาได้ (เพราะทายไปโอกาสถูกก็อาจน้อยกว่า 50% และอาจต้องไปหาหมอเย็บหน้าแตก) สิ่งที่ผมพอจะทำได้ก็คือ นำเสนอข้อมูลจากแหล่งที่เชื่อถือได้พร้อมใส่ความเห็นประกอบประปรายด้วยเหตุผล ซึ่งความเห็นของผมก็คือ ที่ตลาดไทยยังไม่ลงช่วงนี้น่าจะเป็นเพราะฤดูกาลประกาศผลประกอบการและเทศกาลปันผลยังไม่จบนักลงทุนคงจะยังถือหุ้นเพื่อลุ้นเสียวกันอยู่  

ว่าแล้วก็ขอนำเสนอ Snapshot ประเทศไทย เป็นการปิดท้ายบทความสัปดาห์นี้ ลองอ่านกันดูเล่นๆครับ 





Wednesday, February 19, 2014

แมงกุดจี่

สวัสดีครับ,
เขียนเมื่อ 19 กุมภาพันธ์ 2557

สัปดาห์นี้ SET50 Index Futures รุ่น H ขึ้นมาใกล้ระดับแนวต้านสำคัญที่ 909 (แนวต้านนะครับ ไม่ได้ใบ้หวยนะ) .. อาจจะผ่านยากซักหน่อย เนื่องด้วยใน 17 วันที่มีการเปิดซื้อขายที่ผ่านมา มีเพียงวันเดียวที่ฝรั่งเป็นยอดซื้อสุทธิหุ้นไทย นอกนั้นขายตลอด (นับถึง 18 กุมภา) ผู้ซื้อขาโจ๋วก็เป็นใครไปไม่ได้นอกจากนักลงทุนสถาบันในประเทศ - ก็พี่แกเล่นหม่ำไปร่วม 17,000 ล้านบาทนิครับ.. อิ่มหนำสำราญกันไปนะ
   
ช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมามีการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญ -- ตัวเลข GDP ครับ!
  

  
จากรูป เป็นที่น่าสังเกตว่าอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยรายไตรมาสในรอบ 10 กว่าปีที่ผ่านมา ช่างโตได้หยุมหยิมปวดตับเสียนิกระไร (สาเหตุคงไม่ต้องพูดถึง) หากมองคร่าวๆด้วยสายตา โดยไม่นับช่วงโดดปี 2011-12 จากเหตุการณ์น้ำท่วมน่าจะเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 1-2% เท่านั้น
  
ล่าสุด GDP ไตรมาส 4 ปี 2013 ที่เพิ่งประกาศ ก็โตเพียง 0.6% -- สาเหตุหลักก็เกิดจากกำลังซื้อภายในประเทศที่ลดลง (Domestic demand) รวมถึงแผนการลงทุนต่างๆที่ชะลอออกไป เพราะอะไรคงทราบกันดี.. ทำให้ทั้งปี 2013 โตหลงจ้งเพียง 2.9% (ทั้งที่ช่วงต้นปี 2013 หลายสำนักต่างคาดกันว่าจะโตไม่ต่ำกว่า 5%) เทียบกับปี 2012 ที่โต 6.4% .. โดยปี 2014 นี้ ก็มีการประมาณกันว่า GDP ทั้งปีจะโตได้เพียง 3% ครับ
  
ผมคิดว่าถ้าเศรษฐกิจไทยจะหยุมหยิมแบบนี้ไปเรื่อยๆอย่าว่าแต่เสือตัวที่ห้า (อย่างที่เคยหวังไว้ตั้งแต่ก่อนปี 1997) เลยครับ..
   
เกรงว่าจะเป็นแมงกุดจี่ตัวแรกเอา

Wednesday, February 12, 2014

หมื่นลี้...แรก

สวัสดาคิบครับ,
เขียนเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2557

คุณสมบัติข้อหนึ่งของนักลงทุนที่ดีในความเห็นของผมก็คือ ต้องมีสายตาที่กว้างไกล และหาข้อมูลใหม่ๆอยู่เสมอเพื่อเปิดมุมมองใหม่ๆให้ทันต่อโลกที่ไม่เคยหยุดหมุน.. อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้กันก็คือ ต้องมีความตั้งใจ อดทน ศึกษาหาความรู้.. เชื่อหรือไม่ครับว่า แม้แต่กระสวยอวกาศเองยังต้องใช้พลังงานกว่าครึ่งเพียงเพื่อผ่านระยะทาง 1,000 กิโลเมตรแรก ในการเดินทางไปดวงจันทร์ที่มีระยะทางจากโลกรวมแล้วกว่า 384,000 กิโลเมตร.. เปรียบได้กับช่วงแรกของการลงทุนที่อาจจะยาก อาจจะเหนื่อยซักหน่อย แต่เราต้องอดทนครับ ไม่ท้อ! เพราะหากผ่านไปได้ ที่เหลือก็สบายแฮร์ละ
  
นทางไกล นับหมื่นลี้ ต้องเริ่มต้นด้วยก้าวแรก -- เล่าจื๊อ
  
“A journey of a thousand miles must begin with a single step.” -- Lao Tzu

ในส่วนของภาพตลาดก็ถือว่าไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปจากสัปดาห์ที่แล้วมากเท่าไหร่ครับ แต่สิ่งหนึ่งที่ชัดเจนก็คือ ฝรั่งขายหุ้นไทยติดๆกันมาร่วม 13 วันแล้วไม่รู้ขนที่ไหนมาขายหนักหนา (คงเป็นผลกระทบจาก QE tapering ส่วนหนึ่ง) ซึ่งก็เป็นที่เข้าใจกันว่าหากฝรั่งยังขายอยู่แบบนี้สุดท้ายผู้เล่นที่เหลืออยู่ก็มีเพียงพวกเรากันเอง (รายย่อย+สถาบันในประเทศ+prop trade) แล้วหุ้นไทยจะขึ้นได้ซักแค่หนาย... 
รูปข้างบนเอามาให้ดูให้เสียวเล่นครับ คุณ Mark Hulbert (ใครอ่ะ??) ได้โชว์ชาร์ตนี้เพื่อเปรียบเทียบให้เราดูว่า ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ณ ปัจจุบันมันช่างละม้ายคล้ายคลึงกับช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 ในปี 1928-29 ซะเหลือเกิน.. ช่วงนั้นใครเกิดไม่ทัน (เอิ๊กๆ) คงไม่ทราบว่าเป็นยุคที่เกิดมหาวิกฤตเศรษฐกิจโลก (The Great Depression) ซึ่งมีจุดกำเนิดเกิดจากอเมริกานั่นละครับ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่นะ http://www.marketwatch.com/story/scary-1929-market-chart-gains-traction-2014-02-11?link=sfmw_fb บาย

Wednesday, February 5, 2014

ตุนไว้อุ่นๆ

สวัสดีครับ,
เขียนเมื่อ 5 กุมภาพันธ์ 2557

นับตั้งแต่วันที่ 24 มกราคม เป็นต้นมาฝรั่งก็ขายหุ้นไทยฉอดๆๆ ไม่บันยะบันยังเลย ซึ่งก็กดดันให้ SET Index ลงมาราว 40 จุด (นับถึงวันที่ 4 กุมภา) .. ในขณะที่ผู้ซื้อเป็นนักลงทุนสถาบันในประเทศและรายย่อย ที่ช่วยกันนำหุ้น (ที่เชื่อกันว่า) ถูก ไปตุนไว้อุ่นๆ




สถานการณ์ในช่วงเดือนสองเดือนนี้ที่ผมสัมผัสได้จากการที่ได้คุยกับมาร์เกตติ้งหรือผู้แนะนำการลงทุนสำหรับนักลงทุนรายย่อยก็คือ ปริมาณการซื้อขาย หรือ วอยุ่มของเค้าลดลงไปมาก นั่นเป็นเพราะ นักลงทุนรายย่อยติดหุ้นกันเยอะ (บางรายติดหุ้นตั้งแต่ดัชนี 1600 จุด เมื่อกลางปีก่อน) ทำให้ไม่กล้าซื้อขายกัน.. ซึ่งพอถามถึงหุ้นในพอร์ตลูกค้าแล้ว ปรากฎว่า บางรายมีหุ้นขาดทุนถึง 50% เต็มไปหมด
  
ความกลัวเริ่มเพิ่มขึ้น (อาจเพิ่มมานานแล้ว) ซึ่งมาพร้อมกับประเด็นทางการเมือง ที่แม้จะผ่านวันเลือกตั้งไปได้โดยมีความวุ่นวายน้อยกว่าที่ตลาดคาด แต่ปัญหาก็ดูจะไม่จบง่ายๆและเรื้อรังไปอีกพักใหญ่ ... อาจถึงขั้นมหึมา
  
ส่วนลูกค้าผม -- สถาบันฝรั่ง นับเป็นเรื่องที่ดีที่เค้ายังซื้อขายกันตามปกติแถมปริมาณการซื้อขายในเดือนมกรายังสูงกว่าค่าเฉลี่ยอีกด้วย (แต่ short หรือ long บอกไม่ได้นะครับ) นั่นหมายถึง แม้ว่าตลาดหุ้นจะผันผวนเพียงใด จะลงซักเพียงไหน.. SET50 Index Futures ซิครับ ช่วยท่านได้ -- ไม่ว่าจะใช้เพื่อเก็งกำไร หรือ ลดความเสี่ยง เพียงแต่ต้องศึกษาข้อมูล และ ทำความเข้าใจกับมันให้ดี ก่อนลงทุนนะครับ 

Wednesday, January 29, 2014

เรื่องใหม่แกะกล่อง

สวัสดีครับ,
เขียนเมื่อ 29 มกราคม 2557

ตั้งแต่ 30 ตุลาคม 2556 เป็นต้นมา ตลาดหุ้นในอาเซียนเราก็ห่อเหี่ยวเหือดแห้งด้วยสาเหตุต่างๆนานาทำให้ติดลบกันไปตามระเบียบ โดยเฉพาะไทย ซึ่งจากรูปก็ชัดเจนว่าเหี่ยวที่สุด ส่วนสาเหตุคงไม่ต้องพูดถึง...

นอกจากนี้ ยังมีเรื่องใหม่แกะกล่องจากประเทศตลาดเกิดใหม่อย่างอาร์เจนตินา ตุรกี เวเนซูเอล่า ที่เศรษฐกิจเค้ามีปัญหาในหลายจุดซ่อนเร้น โดยเฉพาะในอาร์เจนตินา ที่เงินเฟ้อสูงถึง 25% และทุนสำรอง ที่หดหายไปเกือบครึ่งเมื่อเทียบกับปีก่อนโดยต่ำสุดในรอบ 7 ปี จนกดดันให้รัฐบาลต้องปล่อยค่าเงินตัวเองให้ลอยเท้งเต้ง (อ่อนไป 15% เมื่อปลายสัปดาห์ก่อน) ตรงนี้เพื่อช่วยลดแรงกดดันจากตลาดมืดของเค้าด้วยครับ เพราะสายสืบผมบอกมาว่าเงินเปโซของเค้าซื้อขายกันถึง 13 เหรียญ ต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐฯในตลาดมืด เทียบกับตลาดจริง ที่ซื้อขายกันก่อนหน้านี้เพียง 6 เปโซ ต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ ก่อนที่จะอ่อนตัวเป็น 8 เปโซ ต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ ณ บัดนาว



ใบ้แบะๆว่า ค่าเงินโบลีวาร์ของเวเนซุเอลาในตลาดมืดโหดโฮกๆกว่านี้อีกครับ โดยซื้อขายกันที่ 75 ต่อดอลลาร์ เทียบกับ 6.3 โบลีวาร์ต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐในตลาดจริง.. ยังมีอะไรหลายอย่างที่ซ่อนเร้นอยู่ที่เรายังไม่รู้ สิ่งที่น่าคิดก็คือ หากนักโจมตีค่าเงินเล็งเห็นตรงนี้ แล้วเข้าไปจัด (ดังที่มีคนเคยทำกับไทยเมื่อปี1997) ซึ่งหากประเทศนั้นทุนสำรองต่ำและพื้นฐานเศรษฐกิจไม่ดีจริง ก็มีสิทธิ์ ‘ไม่รอด’ ได้เช่นกัน 
   
ส่วนพื้นฐานเศรษฐกิจไทยเรา ณ ปัจจุบัน ยังถือว่าแจ่ม ไม่แย่ ทุนสำรองยังมากกว่าหนี้ระยะสั้นอยู่เกิน 2 เท่า (ไม่เหมือนตอนปี 1997 ที่แทบไม่มี) ดังนั้น ไม่ตระหนกตกใจแต่ก็ไม่ประมาทครับ เพราะวิกฤตมักจะมาในเวลาที่เราคาดไม่ถึงเสมอ

Wednesday, January 22, 2014

สถานการณ์ฉึกฉึก

สวัสดีครับ,
เขียนเมื่อ 22 มกราคม 2557

นาทีนี้คงไม่มีข่าวใดฮอตไปกว่าการออกพ.ร.ก.ฉุนเฉินของรัฐบาลชุดปัจจุบัน สมควรหรือไม่ ผมคงมิกล้าออกความเห็น เพียงแต่ความจริงก็คือ ประเทศไทยได้ตกอยู่ในภาวะป่วยฉึกฉึกมาซักพักแล้วละ.. ในแง่การลงทุน ไม่ต้องสืบ เพราะหากเทียบกับการประกาศใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ตอนปี 53 เพียงวันทำการแรก ตลาดหุ้นไทยก็ลงพรวดไปถึง 3.5% ปู๊ดๆ และลงต่ออีกร่วม 10% จากนั้น.. ซึ่งทำให้ผลตอบแทนเทียบกับภูมิภาคในช่วงนั้นติดลบถึง 9% (ดูรูป)
ทั้งนี้ทั้งนั้นอย่าลืมครับว่า ประวัติศาสตร์อาจจะซ้ำรอยหรือไม่ก็ได้ เพียงแต่ให้ตระหนักไว้ว่าอาจมีบางเหตุการณ์ที่คล้ายคลึงกันอยู่บ้าง ดังสุภาษิตฝรั่งที่ว่า History doesn't repeat itself, but it does rhyme. ดังนั้นไม่ต้องตระหนกตกใจ แต่ก็ไม่ประมาทในการลงทุนครับ
  
ในแง่ TFEX หลังจากฝรั่งซื้อ (Long) ต่อเนื่องมาถึง 12 วันนับจากต้นปี.. ณ บัดนาวเค้าได้พลิกกลับมาขาย (Short) ติดต่อกันเป็นวันที่ 2 ซะแล้ว (ดูรูป) สถานการณ์จะเป็นยังไงต่อไป.. โปรดติดตามต่อสัปดาห์หน้า

Wednesday, January 15, 2014

ฝรั่งมังค่า

สวัสดีครับ,
เขียนเมื่อ 15 มกราคม 2557

ความวุ่นวายทางการเมืองยังเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้นักลงทุนต่างชาติกระปริบกระปรอยไม่กล้าซื้อหุ้นไทยเต็มกระบอกทั้งๆที่ขายไปปีที่แล้วทั้งปีเกือบ 2 แสนล้านบาท “โอกาส”มีอยู่ในทุกวิกฤต เพียงแต่วิกฤตที่ลากยาวกว่าปกติ ก็อาจทำให้เราเจอโอกาสที่ “ดีกว่า”ได้อยู่เรื่อยๆก็เป็นได้.. ผมได้นำข้อมูล (จาก SETSMART) มาให้ดูครับ จะเห็นว่าหากนับจากต้นปีนักลงทุนที่มียอดซื้อสะสมอยู่ก็คือ ฝรั่งกับพอร์ตโบรกในขณะที่นักลงทุนสถาบันเป็นผู้ขายหนัก รวมถึงนักลงทุนรายย่อยที่ซื้อขายเกือบจะเท่ากัน 

แต่หากมาดูตัวเลขในตลาดอนุพันธ์ และเจาะจงไปเฉพาะ SET50 IndexFutures เป็นที่น่าแปลกว่านักลงทุนต่างชาติกลับเป็น ยอดซื้อ (long) สะสมมาตลอด “ทุกวัน” นับตั้งแต่ต้นปี..ตรงนี้อาจเป็นสัญญาณเตือนเล็กๆว่า หากใครจะ ขาย (Short) SET50Index Futures เพื่อเก็งกำไรในช่วงนี้ อาจต้องเพื่อความระมัดระวังมากขึ้นและกำหนดจุดstop loss ให้ดีครับ

ขอจบบทความสั้นๆเพียงเท่านี้ โชคดีในการลงทุนทุกท่านครับ^^

Wednesday, January 8, 2014

ตั้งสติก่อนสตางค์

สวัสดีปีใหม่ครับ,
เขียนเมื่อ 8 มกราคม 2557

การลงทุนในหุ้นไทยช่วงนี้ รวมถึง การเก็งกำไรในตราสารอนุพันธ์ อาจต้องใช้สติ (มากกว่าสตางค์) มากพอสมควรครับ สถานการณ์ทางการเมืองในปัจจุบันที่ไม่มีใครอาจรู้ได้ว่าจะจบเช่นไร เป็นปัจจัยสำคัญ ที่ทำให้ตลาดหุ้นไทย underperform ตลาดหุ้นในภูมิภาคในช่วงที่ผ่านมา บางท่านถึงกับเปรียบสถานการณ์บ้านเมืองในช่วงนี้กับตัวอย่างหนึ่งของทฤษฎีเกมในทางเศรษฐศาสตร์ (Game Theory) ที่ชื่อว่า Prisoner's dilemma โดยบทสรุป ก็คือ ทั้ง 2 ฝ่ายไม่อาจยอม หรือ เลิกรากันได้ ไม่งั้นจะเกิดผลเสียต่อฝ่ายตนเองอย่างมหาศาล.. อย่างไรก็ดีทฤษฎีนี้มีทางออกอยู่ครับ ซึ่งผมขออุบไว้ก่อนละกัน

ในแง่มูลค่าพื้นฐาน ณ level ปัจจุบันถือว่า SET Index ไม่ได้แพงแล้วครับ คุณปรเมศร์ ทองบัว นักกลยุทธ์แห่งค่ายสถาบันของบัวหลวงได้ทำ chart ด้านล่างนี้ไว้เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา บ่งบอกว่า PE ตลาดหุ้นไทยถูกกว่าค่า PE เฉลี่ยของตลาดอินโด-ฟิลิปปินส์-มาเลเซีย และ ดัชนี S&P500 ของอเมริกา ถึงเกือบ 30% (เทียบกับค่าเฉลี่ยในอดีตที่ราว 20%)

แต่ประเด็นก็คือ หากเรายังไม่สามารถหาทางออกของบ้านเมืองได้ ตลาดหุ้นไทยก็อาจจะ trade ที่มูลค่า discount ใกล้ๆ 30% แบบนี้ไปอีกซักพักก็เป็นได้ครับ

ในแง่ของนักลงทุนต่างชาติ จากแผนภูมิด้านล่าง แสดงให้เห็นว่า ฝรั่งได้ขายหุ้นไทยในปีที่แล้วปีเดียวเป็นมูลค่าถึงเกือบ 2 แสนล้านบาท ซึ่งมากกว่ามูลค่าที่เค้าซื้อสะสมมาตลอด 4 ปี (2009-2012) เสียอีก สาเหตุนอกจากเรื่องการเมืองแล้ว ก็คงหนีไม่พ้นผลจากการลดการอัดฉีดเงิน (QE) ของธนาคารกลางสหรัฐฯ ซึ่งเหตุผลอย่างหลังนี้ น่าจะยังคงหลอกหลอนนักลงทุนในตลาดเกิดใหม่รวมถึงไทยไปอีกตลอดปีนี้ครับ

Wednesday, December 25, 2013

ส่งท้ายปี

สวัสดีครับ,
เขียนเมื่อ 25 ธันวาคม 2556

ตลาดหุ้นในสัปดาห์สุดท้ายของปีคงไม่น่ามีอะไรมาก วันนี้มีแค่จีนและญี่ปุ่นที่เปิดตลาดเป็นเพื่อน SET Index ของเราครับ ลูกค้าผม หลังจากทำการ Roll over ตัว SET50 Index Futures ไปเป็นสัญญาที่หมดอายุเดือนมีนาแล้ว ก็ชะแว้ปไปเที่ยวกันหลายคนละ.. ส่วนท่านใดที่ยังไม่ได้ปิดสถานะตัว Z ก็อย่าลืมว่าวันที่ 26 ธันวานี้ เป็นวันซื้อขายวันสุดท้ายแล้วนะครับ 
  
บทความฉบับนี้เป็นบทความสุดท้ายของปี 2013 ซึ่งน่าจะเป็นปีที่เหนื่อยสำหรับนักลงทุนหลายคน..ณ เวลาที่ผมเขียนอยู่นี้ ดัชนี SET ให้ผลตอบแทนติดลบ 4.5% หากนับจากต้นปีในขณะที่ดัชนี NIKKEI ของญี่ปุ่นให้ผลตอบแทนถึง 37% และดัชนี Shenzhen ของจีนให้ผลตอบแทน 30%  .. แต่ อย่าเพิ่งเศร้าใจไปครับ! หากเราดูประเทศเพื่อนบ้านอย่างอินโดนิเซีย ดัชนี Jakarta ของเค้าติดลบถึง 18% ซึ่งก็แย่กว่าเราเยอะ ดังนั้น หากปีนี้ทั้งปีใครลงทุนในตลาดหุ้นไทยแล้ว“รักษาเงินต้นไว้ได้” หรือ พูดอีกอย่างว่า “ไม่ขาดทุน” ก็ถือว่าชนะคนส่วนใหญ่แล้วครับ!  ช่วงหยุดยาวนี้น่าจะเป็นช่วงเวลาที่ดีที่จะได้ทบทวนข้อผิดพลาดที่เราได้ลงทุนไปตลอดทั้งปี รวมถึงคิดแผนการวางกลยุทธ์ สำหรับการลงทุนในปีหน้าด้วย
  
สุดท้าย เนื่องในโอกาสปีใหม่ที่กำลังจะมาถึงนี้ ผมขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายในสากลโลกดลบันดาลให้แฟนคอลัมภ์นักค้าหน้าหยกทุกท่าน พบแต่สิ่งดีๆ มีสุขภาพแข็งแรง และลงทุนอย่างมีความสุขมากๆครับ!
  
สุดท้ายจริงๆ .. นำรูปงาน TFEX New Year Party เมื่อสัปดาห์ที่แล้วมาฝากครับ ทุกคนจัดเต็มมาก 555