Tuesday, January 22, 2013

การโยกย้ายทองคำครั้งใหญ่

สวัสดีครับ,

ข้อมูลนี้ผมนำจากผู้จัดการออนไลน์ครับ.. เห็นว่าเป็นประโยชน์จึงขออนุญาตนำมาลงบล็อกเพื่อเก็บไว้ทบทวนเอง และแบ่งปันให้กับเพื่อนๆที่ยังไม่ได้อ่าน.. ขอขอบคุณผู้เผยแพร่ไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับผม


• อินเดียขึ้นภาษีนำเข้าทอง 2% สู่ 6% เพื่อจำกัดการซื้อทอง และควบคุมยอดขาดดุลงบประมาณที่พุ่งสูง อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์คาดว่าอุปสงค์ทองในอินเดียอาจลดลงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เพราะอุปสงค์ทองได้รับแรงหนุนจากอัตราเงินเฟ้อที่ระดับสูง

• ธ.กลางเยอรมนี ประกาศแผนดึงทองคำสำรองปริมาณมหาศาลถึง 674 ตัน กลับมาไว้ในประเทศ โดยจะถอนออกจาก FED สาขานิวยอร์ก 300 ตัน และถอนจากธนาคารกลางฝรั่งเศสในกรุงปารีส 374 ตัน รวมมูลค่าสูงถึง 36,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 1.07 ล้านล้านบาท) คิดเป็นกว่า 1/ 5 ของทองคำสำรองทั้งหมดของเยอรมนี โดย โมริตซ์ เอากุสต์ ราช โฆษกของบุนเดสบังก์ (ธนาคารกลางเยอรมนี) ระบุว่า จำเป็นต้องถอนกลับคืนมาด้วยเหตุผลด้านความมั่นคงที่ไม่เปิดเผยต่อสาธารณชน แต่ส่วนหนึ่งเป็นเพราะจำเป็นต้องปกป้องทองคำของเยอรมนีเอาไว้

นับเป็นการโยกย้ายทองคำระหว่างประเทศครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์โลก หลังจากรัฐบาลเยอรมนีในอดีตโดยเฉพาะตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นต้นมา ต่างมีนโยบายนำทองคำของตนไปฝากไว้ในต่างแดน เพื่อกระจายความเสี่ยงจากสถานการณ์ทางการเมืองระหว่างประเทศที่ตึงเครียดในยุคสงครามเย็น เนื่องจากเกรงว่าทองคำของตนจะถูกสหภาพโซเวียตยึดครอง

ฮันเดิลสบลัตต์ รายงานว่า ขณะนี้ทองคำของเยอรมนี 45% ฝากอยู่กับ FED ขณะที่อีก 13% และ 11% อยู่กับธนาคารกลางอังกฤษและฝรั่งเศส เหลือเพียงแค่ 31% เท่านั้นที่เก็บไว้ในสำนักงานใหญ่ของบุนเดสบังก์ในนครแฟรงก์เฟิร์ต โดยทองคำทั้งหมดที่ฝากไว้ในฝรั่งเศสจะเป็นส่วนแรกที่รัฐบาลเยอรมนีต้องดึงกลับมาไว้ในประเทศ ขณะส่วนที่ฝากไว้ในอังกฤษและสหรัฐยังจำเป็นต้องคงอยู่ตามเดิมต่อไปก่อนอีกระยะหนึ่งเพื่อรองรับการแลกเปลี่ยนเงินตราระหว่างประเทศ

ทั้งนี้ ธนาคารกลางเยอรมนี ถือครองทองคำสำรองรายใหญ่เป็นอันดับที่ 2 ของโลกรองจากสหรัฐ โดยมีปริมาณทองคำในความครอบครองกว่า 3,396.3 ตันเมื่อสิ้นปี 2554 คิดเป็นมูลค่าไม่ต่ำกว่า 133,000 ล้านยูโร (ราว 5.3 ล้านล้านบาท) และเคยถอนทองคำล็อตใหญ่ปริมาณกว่า 850 ตันที่ฝากไว้ในธนาคารกลางของอังกฤษมาแล้วเช่นกันในช่วงปีค.ศ.1998-2001 ท่ามกลางข่าวลือในขณะนั้นว่าวิกฤตเศรษฐกิจในเอเชียที่เริ่มต้นในประเทศไทยเมื่อปี 1997 อาจลามมาถึงยุโรป

No comments:

Post a Comment