ชอบบทความเกี่ยวกับทองคำ 2 ตอนนี้มากครับ ผมเลยขออนุญาตผู้เขียน คุณวิน พรหมแพทย์, CFA (จากเพจ SSO Saving Club) นำมาโพสเก็บไว้ในบล็อกส่วนตัวเพื่อสะดวกต่อการอ่านทบทวน และเผื่อแผ่ไปถึงผู้ที่แวะมาเยี่ยมบล็อกผมด้วย ขอขอบคุณพี่วินไว้ ณ ที่นี้อีกครั้งครับ
ต้นทุนการขุดทอง ที่ไหนแพงกว่ากัน?
ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา ราคาทองคำในตลาดโลกผันผวนเยอะมาก ขึ้นไปสูงสุดที่ $1,780 ต่อออนซ์ และลงไปต่ำสุดที่ $1,200 ต่อออนซ์ จึงมีคนถามผมเยอะว่า ราคาทองควรจะเป็นเท่าไหร่? คำตอบคือ เป็นเรื่องยากมากที่เราจะคาดราคาทองคำครับ .. เราอาจจะพอประเมินมูลค่าพันธบัตรหรือหุ้นได้โดยคิดมูลค่าปัจจุบัน (Present Value) จากดอกเบี้ยหรือเงินปันผลที่คาดว่าจะได้รับในอนาคต แต่ทองคำเป็นการลงทุนชนิดพิเศษ คือ มันไม่จ่ายดอกเบี้ยหรือปันผล จึงประเมินมูลค่าได้ยากครับ
แต่สิ่งหนึ่งที่เราพอจะบอกได้ คือ การขุดทองคำขึ้นมาจากใต้ดินมี "ต้นทุน" ครับ ทีมงานของผมไปเจอข้อมูลของ Virtual Capitalist เค้าเปรียบเทียบ "ต้นทุน" การขุดทองคำ (นับเฉพาะ Cash Cost คือ ต้นทุนการขุดจริงๆ ไม่รวมค่าใช้จ่ายอื่นๆ) พบว่า
- อเมริกาเหนือ มีต้นทุน $598/oz ถูกที่สุดในโลก
- อัฟริกาใต้ มีต้นทุน $957/oz แพงที่สุดในโลก
ทั้งนี้ หากรวมค่าใช้จ่ายอื่นๆ อีกที่เกิดขึ้นจากการทำเหมืองทอง ต้องบวกเพิ่มจาก Cash Cost ไปอีกโดยเฉลี่ยประมาณ $200-300/oz ครับ
การรู้ต้นทุนนี้ ทำให้เราคาดเดาได้ว่า หากราคาทองคำลงไปต่ำมากกว่านี้ เช่น ต่ำกว่า $1,000/oz ก็จะมีเหมืองทองในบางประเทศที่ขุดทองขายแล้วขาดทุนครับ ^^
ที่มา: www.virtualcapitalist.com
ความจริง 10 ข้อที่คุณควรรู้เกี่ยวกับ “ทองคำ”
1. ทองคำเป็นของที่ทำลายไม่ได้ เมื่อขุดขึ้นมาแล้วก็ยังอยู่บนโลกต่อไปไม่ได้สูญสลายไปไหน ... คาดว่ามีทองคำที่ขุดขึ้นมาบนโลกแล้วประมาณ 170,000 ตัน
2. อุปสงค์ทองคำในตลาดโลก มีประมาณ 4,000 ตัน/ปี ประกอบด้วย 1. ใช้เป็นเครื่องประดับ (50%) 2. ซื้อทองคำแท่งเพื่อการลงทุน (30%) 3. ซื้อลงทุนผ่านกองทุน ETF (5%) 4. ใช้ในอุตสาหกรรม (10%) และ 5. เป็นทุนสำรองของธนาคารกลาง (5%)
3. อุปทานทองคำในตลาดโลก มีประมาณ 4,000 ตัน/ปี เช่นกัน เป็นทองคำขุดใหม่ 60% ส่วนที่เหลือเป็นทองคำที่ถูกหลอมเพื่อนำกลับมาใช้ใหม่ (recycled)
4. ประเทศที่ผลิตทองคำมากที่สุดในโลก 5 อันดับแรก ได้แก่ 1. จีน 2. ออสเตรเลีย 3. สหรัฐอเมริกา 4. รัสเซีย 5. แอฟริกาใต้
5. เหมืองที่จัดว่ามีสินแร่ในเกรดดี เวลาระเบิดหินขนาด 1 ตัน จะได้แร่ทองคำประมาณ 8-10 กรัม ส่วนเหมืองที่มีสินแร่เกรดไม่ดี ระเบิดหินขนาดเท่ากัน จะได้แร่ทองคำประมาณ 1-4 กรัม
6. เหมืองแบบเปิด (open pits) มักจะมีเกรดต่ำกว่าเหมืองแบบปิดที่ต้องขุดเจาะลงไปใต้ดิน ซึ่งนับวันเราต้องขุดลึกลงไปเรื่อยๆ ... เหมืองทองคำที่ลึกที่สุดในโลกชื่อ TauTona อยู่ที่แอฟริกาใต้ มีความลึกเกือบ 4 กิโลเมตร
7. ที่ๆ มีต้นทุนการขุดทองคำ (Cash Cost) ถูกที่สุดในโลก คือ ทวีปอเมริกาเหนือ อยู่ที่ $598/oz ... ที่ๆ มีต้นทุนการขุดทองคำแพงที่สุดในโลก คือ ทวีปแอฟริกา อยู่ที่ $957/oz
8. ราคาทองคำปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเวลา 12 ปีติดกัน (2001 – 2012) จากจุดต่ำสุดที่ $250/oz ไปสูงสุดที่ $1900/oz หรือนับว่าเพิ่มไป 7.6 เท่า .... ในช่วงเดียวกัน ราคาทองคำแท่งในไทยก็ปรับเพิ่มจาก บาทละ 5,200 บาท ไปสูงสุดที่บาทละ 26,000 บาท หรือว่าเพิ่มไป 5 เท่า (ปรับเพิ่มน้อยกว่าราคาในสกุลดอลล่าร์เนื่องจากค่าเงินบาทแข็งในช่วงที่ผ่านมา)
9. ในปี 2013 ราคาทองคำในตลาดโลกร่วงลงจาก $1,700 ช่วงต้นปี มาซื้อขายกันที่ $1,300 ในปัจจุบัน (ลดลง 25%) ส่วนใหญ่มาจากแรงขายของนักลงทุนระยะสั้นที่ซื้อทองคำผ่านกองทุน ETF แต่ในช่วงที่ราคาทองลงแรง มีแรงซื้อทองคำเพื่อเป็นเครื่องประดับและซื้อทองคำแท่งเพื่อลงทุน (โดยเฉพาะ จีน และ อินเดีย) เข้ามาอย่างต่อเนื่อง
10. ราคาทองคำมักผันผวนในทิศทางตรงข้ามกับค่าเงินดอลล่าร์ (เช่น ราคาทองคำจะสูงขึ้นเมื่อค่าเงินดอลล่าร์อ่อน) และมีความสัมพันธ์กับราคาพันธบัตรและหุ้นค่อนข้างน้อย (Correlation = 0.2 – 0.4) ทองคำจึงเป็นสินทรัพย์เพื่อการลงทุนที่ช่วยกระจายความเสี่ยง (Diversification) ได้ดี
No comments:
Post a Comment