Wednesday, November 13, 2013

คิดถึงคิทแคท

สวัสดีครับ,
เขียนเมื่อ 13 พฤศจิกายน 2556

ช่วงปลายสัปดาห์ก่อนผมได้มีโอกาสเข้าร่วมงานสัมมนาซึ่งจัดโดยนิตยสาร Asia Asset Management ผู้พูดหลายท่านเป็นกูรูผู้บริหารเงินมูลค่านับล้านล้านบาท โดยมีประเด็นที่น่าสนใจนำมาฝากเล็กน้อยครับ

กูรู เชื่อว่า ปัจจัยที่สนับสนุนหุ้นตลาดเกิดใหม่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาอาจกำลังจะเปลี่ยนเป็นปัจจัยคุกคามนับแต่นี้ไป อันได้แก่ US QE tapering การชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน ระดับหนี้ที่เพิ่มขึ้นของบางประเทศในเอเซีย และตัวเลขเศรษฐกิจที่ดีขึ้นของอเมริกาและยุโรป (ทำให้อาจมีการโยกย้ายเงินทุนจาก Emerging markets ไป Developed markets มากขึ้น) อย่างไรก็ดี  แม้จะมีปัจจัยคุกคาม แต่ก็อย่าเพิ่งทุกข์ใจครับ เพราะในระยะยาวแล้ว เอเซีย (โดยเฉพาะพวกเรา ASEAN) เศรษฐกิจยังโตได้หล่อกว่าประเทศอื่นๆอยู่หลายอึดใจ ตัวเลขต่างๆบ่งบอกว่าปัจจัยพื้นฐานของเรายังดูดีอยู่มากเมื่อเทียบกับช่วงวิกฤตปี 1997 สถานการณ์ในตอนนี้ถือว่ายังห่างไกลกับคำว่า crisis อยู่พอสมควร.. ว่าที่จริง วิกฤตมักจะมาในเวลาที่คนส่วนใหญ่มักคาดไม่ถึง เพราะฉะนั้นเลิกกังวล แล้วลงทุนอย่างระมัดระวังและรอบคอบดีกว่าครับ


ถัดมา ตารางด้านบนผมนำมาฝาก (ข้อมูลโดยมิสเตอร์ ปรเมศร์ ทองบัว นักกลยุทธ์ชื่อก้องแห่งค่ายบัวหลวง) ประเด็นก็คือ หากดูปริมาณการซื้อขายสุทธิของนักลงทุนสถาบันในประเทศในช่วง 7 ปีที่ผ่านมา จะเห็นว่าในช่วงเดือนพฤศจิกายนและธันวาคมของทุกปี นักลงทุนสถาบันมียอดเป็น Net buy เกือบทั้งหมด ซึ่งนั่นบ่งบอกพลัง LTF/RMF จากพวกเรานักลงทุนรายย่อยที่ส่งผ่านไปยังนักลงทุนสถาบัน ช่วยให้ดัชนี SET ปรับตัวขึ้นได้ในทุกเดือนธันวาคม (ยกเว้นปี 2006 เพราะมีเรื่องรัฐประหารและมาตรการ capital control) ส่วนตารางด้านขวาสุดเป็นการเปรียบเทียบ performance กับดัชนี MXFEJ (คำนวณจาก จีน ฮ่องกง อินโด เกาหลี มาเล ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ไต้หวัน และ ไทย) ก็จะเห็นว่า SET เรา outperform ดัชนีดังกล่าวเป็นส่วนใหญ่ด้วยครับ

กล่าวโดยสรุปคือ หากใครคิดจะ Short ตลาดหุ้นไทยหนักๆ เพื่อเก็งลำไย เอ้ย เก็งกำไร ในช่วงที่เหลือของปี อาจต้องเพิ่มความระมัดระวังซักเล็กน้อยครับ แต่หากใครคิดจะพัก ให้คิดถึง คิดแคท... นะ

(ฮา) กริบ

No comments:

Post a Comment