Wednesday, June 1, 2016

5 ทีเด็ดจาก Warren Buffett (For Intania 89 #3)

สวัสดีครับ,

เมื่อคืนกลางดึกของวันที่ 30 เมษายน ที่ผ่านมา ผมได้มีโอกาสนั่งดูการถ่ายทอดสดการประชุมผู้ถือหุ้นประจำปีของบริษัท Berkshire Hathaway ที่เป็นการถ่ายทอดครั้งแรกทางอินเตอร์เน็ตให้ผู้ชมทั่วโลกได้ดูไปพร้อมกับผู้เข้าประชุมหลายหมื่นคนในเมืองโอมาฮา รัฐเนแบรสกา ประเทศสหรัฐอเมริกา จริงๆ แล้วถ้าหากไม่มีการถ่ายทอดนี้ ผู้ที่จะได้ร่วมประชุมนั้นจะต้องถือหุ้นอย่างน้อย 1 หุ้น (ณ เวลาที่เขียนบทความอยู่นี้ หุ้น Berkshire (BRK-A) สนนราคาหุ้นละเพียง 211,180 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 7.5 ล้านบาทเท่านั้นครับ) ภาพที่เห็นก็คือมีคุณปู่ 2 ท่านนั่งอยู่บนเวที คนซ้ายนามว่า Warren Buffett CEO และผู้ถือหุ้นใหญ่ที่สุดของ Berkshire คนขวานามว่า Charlie Munger รองประธานฯ และคู่หูของ Warren Buffett และยังมีเอกสาร ขนมขบเคี้ยว แก้วน้ำและน้ำอัดลมวางอยู่บนโต๊ะ พร้อมที่จะบรรยายและตอบคำถามผู้ถือหุ้นทุกท่านอย่างถึงไหนถึงกัน


ผมไม่ได้จะมาสรุปผลการประชุมหรอกครับ เพราะเรียนตรงๆ ว่าดูไม่จบ ก็การประชุมเล่นยืดยาวไปจนถึงเช้ามืดวันที่ 1 พฤษภาคม (เวลาประเทศไทย) ถ้าไม่ใช่แฟนพันธุ์แท้ตัวจริงก็คงหลับคาโต๊ะนั่นละครับ แต่ที่น่าสนใจก็คือคำกล่าวที่ว่าเมื่อ “Buffett (และ Munger) พูด โลกจะหยุดฟังนั่นดูเหมือนว่าจะเป็นจริง นักลงทุนยุคนี้ไม่มีใครไม่รู้จัก Warren Buffett บุรุษผู้ซึ่งบริหารบริษัท Berkshire จนทำให้มูลค่าหุ้นขึ้นมามากกว่า 1,000,000% ในช่วงปี 1964-2015 ในขณะที่ดัชนี S&P500 ขึ้นมาเพียง 2,300% ในบทความนี้ผมเลยเลือกคำแนะนำที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนที่น่าสนใจที่ Buffett เคยกล่าวไว้ในหลายๆ โอกาสมาสรุปยำรวม 5 ข้อสั้นๆ ดังนี้ครับ


ข้อแรก อย่าซื้อหุ้นในบริษัทที่คุณไม่เข้าใจ และถ้าคิดว่าไม่สามารถจะถือหุ้นนั้นได้ถึง 10 ปี แค่เพียง 10 นาทีก็อย่าคิดที่จะเป็นเจ้าของมันข้อสอง อย่าลงทุนตามฝูงชน การจะเป็นนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จได้นั้นคุณต้องแยกตัวให้ขาดจากความโลภและความกลัวของคนอื่นรอบๆ ตัวคุณ แม้ในสถานการณ์จริงจะเป็นไปได้ยากก็ตามข้อสาม รู้ตัวว่าคุณไม่รู้ในเรื่องอะไร และจงรู้จักเรียนรู้จากข้อผิดพลาดของผู้อื่นและอย่าทำตามข้อสี่ การลงทุนที่ดีที่สุดก็คือการลงทุนในตัวคุณเอง ลงทุนในการศึกษาให้มากตั้งแต่อายุยังน้อย อ่านทุกอย่างที่ขวางหน้า รวมถึงฝึกสื่อสารทั้งการพูดและการเขียนให้ดี เพราะนั่นจะช่วยเพิ่มมูลค่าและรับประกันอนาคตของคุณในระยะยาวและข้อห้า ให้ลงทุนใน Broad-based index fund ที่ล้อไปตามดัชนี S&P 500” งงใช่ไหมละครับข้อนี้ ไม่เป็นไร ผมจะขยายความให้

ก่อนอื่นขอเล่าก่อนว่ากองทุนที่เราซื้อขายกันนั้นถูกแบ่งกว้างๆ ออกเป็น 2 ประเภทครับ ประเภทแรกเราเรียกว่า Active fund กองประเภทนี้จะมีผู้จัดการกองทุนบริหาร ช่วยตัดสินใจลงทุนให้โดยมุ่งหวังให้ผลตอบแทนชนะตลาด ประเภทที่สองเรียกว่า Passive fund เป็นกองทุนที่ผู้จัดการกองทุนไม่ต้องตัดสินใจลงทุน หน้าที่มีเพียงคอยจัดการให้มูลค่ากองทุน (NAV) ล้อไปกับดัชนีที่ยึดเป็นสิ่งอ้างอิงเท่านั้น ด้วยเหตุนี้กองทุนประเภท Passive fund จึงมีค่าธรรมเนียมในการจัดการกองทุนที่ต่ำกว่า Active fund ค่อนข้างมากครับ

ที่ Buffett กล่าวว่าให้ลงทุนใน Broad-based index fund ที่ล้อไปกับดัชนี S&P 500 นั้น กองทุนนี้ก็จัดเป็น Passive fund ประเภทหนึ่งครับ โดย Buffett มีความเชื่อในเรื่องนี้มานานแล้วว่า ในระยะยาวแล้วการลงทุนใน Passive Fund จะสามารถทำผลตอบแทนได้สูงกว่าการลงทุนใน Active fund” (ไม่ใช่เพราะว่าผู้จัดการกองทุน Active fund ไม่เก่ง แต่เพราะค่าธรรมเนียมในการบริหารจัดการกองทุนนั้นต่างกันมาก) เค้าถึงกับเดิมพันกับ Hedge Fund ในอเมริกาที่ชื่อว่า Protégé Partners ซึ่งมีมูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การบริหารกว่า 3.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ด้วยเงินบริจาค 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ผู้ชนะจะได้สิทธิ์เลือกว่าจะบริจาคให้กับมูลนิธิใด) ว่ากองทุนอย่าง Vanguard S&P 500 ซึ่งเป็น Passive fund ที่ล้อไปตามดัชนี S&P 500 จะทำผลตอบแทนได้ชนะ Hedge funds ที่เป็น Active fund ภายใน 10 ปี จนถึงเวลานี้ผ่านไปแล้ว 8 ปี ผลตอบแทนสะสมของฝั่ง Buffett สูงถึง 65.7% ในขณะที่ฝั่ง Hedge funds ทำได้เพียง 21.9% ถ้าไม่มีปาฏิหาริย์ ในวันที่ 31 ธันวาคม 2017 ที่เป็นวันสิ้นสุดการเดิมพันครั้งนี้ Buffett คงเป็นผู้ได้เลือกว่าจะนำเงินไปบริจาคให้กับที่ใดครับ

ทั้งหมดนี้ก็คือแก่นเพียงเศษเสี้ยวของนักลงทุนผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดท่านหนึ่งของโลกที่ผมกลั่นออกมาให้อ่านกันครับ ไว้มีโอกาสในคราวถัดๆ ไปผมจะหยิบยกประเด็นที่น่าสนใจของนักลงทุนท่านอื่นๆ มาเล่าสู่กันฟังอีก คอยติดตามกันนะครับ

No comments:

Post a Comment