Wednesday, August 29, 2012

เปิดซิง Spread Trading แบบ Gangnam Style

สวัสดียามเย็นครับ,,,
เขียนเมื่อ 29 สิงหาคม 2555



เรื่องราวในวันนี้ค่อนข้างจะซับซ้อนซ่อนเงื่อนกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา ดังนั้น เพื่อให้ง่ายต่อการเข้าใจผมแนะนำทุกท่านให้สูดลมหายใจเข้าลึกๆแล้วเต้นไปกับเพลง Gangnam Style สุดฮิปจากเกาหลี พร้อมไปกับผมก่อนอ่านบทความฉบับนี้นะครับ.. oh oh oh oh!
เปิดซิง: Spread Trading หมายถึงอะไรเอ่ยอ๋อ! มันก็คือการลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Futures) พร้อมกัน 2 ฉบับ โดยซื้อ (Long) ฉบับหนึ่ง และขาย (Short) อีกฉบับหนึ่งในเวลาเดียวกันนั่นเองฮี่ๆ ไม่ยากใช่มะล่า~ ซึ่งเจ้า Spread Trading รุ่งริ่งนั้น ถูกแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทด้วยกันครับ ดังนี้:
1.     Calendar Spread หมายถึง การซื้อและขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Futures) ที่มีสินค้าอ้างอิงเป็นชนิดเดียวกัน แต่เดือนหมดอายุคนละเดือนกัน เช่น ซื้อ SET50 Index Futures รุ่นเดือน Sept. และขาย SET50 Index Futures รุ่นเดือน Dec. ในเวลาเดียวกัน
2.     Intermarket Spread หมายถึง การซื้อและขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Futures) ที่เดือนหมดอายุเดือนเดียวกัน แต่มีสินค้าอ้างอิงคนละชนิดกัน เช่น ซื้อ SET50 Index Futures รุ่นเดือน Sept. และขาย DJIA Futures รุ่นเดือน Sept. ในเวลาเดียวกัน
ต้องขอเรียนนิดนึงครับว่า วัยรุ่นชาวไทยมักจะคุ้นเคยกับ Spread Trading แบบ Calendar Spread ม๊ากมากจนเผลอทึกทักไปแล้วว่า เมื่อพูดถึง Spread Trading ก็จะหมายถึงการซื้อและขายแบบ Calendar Spread ไปเลยส่วนหลักการก็ง่ายแสนง่าย (มั้ง) ครับ ยกตัวอย่างเช่น หากท่านเห็นว่า SET50 Index Futures รุ่นใดถูกเกินไปเมื่อเทียบกับรุ่นอื่น (ดู Fair price ประกอบก็ได้นะ) ให้ซื้อ (Long) รุ่นนั้นโลด... ในขณะเดียวกัน ก็ให้ขาย SET50 Index Futures รุ่นเดือนอื่นที่มองแล้วว่าแพงเกินไปเช่นกันนะจ๊ะครับผม
ข้อดี: Spread Trading นั้นมีข้อดีสะดุดใจป่ะป๊าตรงที่มีความเสี่ยงน้อยกว่าการเปิดสถานะแบบ Outright Position (การซื้อหรือขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าข้างใดข้างหนึ่งเพียงข้างเดียว หรือที่เรียกว่า Directional Trading) เพราะการสร้างสถานะสัญญา 2 สัญญาแบบ Calendar Spread จะมีการหักล้างความเสี่ยงซึ่งกันและกัน (Natural Hedging) ไปในตัวเลยเย๊ เยแต่ก็อย่าลืมครับว่า ด้วยความเสี่ยงที่น้อยกว่า ผลตอบแทนที่ได้มันก็น้อยกว่าเช่นกันอ๋อ! อีกอย่างข้อดีอีกข้อของ Spread Trading ก็คือใช้เงินวางหลักประกันน้อยกว่าแบบ Directional Trading ด้วยนะเออ..
ทีนี้ผมมีเคล็ดให้นิดหน่อยแถมให้ก่อนจากลาจำง่ายๆ ไว้ครับว่า ทำอะไรกับ Spread หมายถึงการทำกับสัญญาซื้อขายล่วงหน้าตัวไกล เช่น การซื้อ (Long) Spread หมายถึง การซื้อ (Long) SET50 Index Futures ตัวไกล และขาย (Short) SET50 Index Futures ตัวใกล้ในทางกลับกัน การขาย (Short) Spread หมายถึง การขาย (Short) SET50 Index Futures ตัวไกล และซื้อ (Long) SET50 Index Futures ตัวใกล้ ซึ่งเมื่อใดก็ตามที่ท่านคาดว่า Spread จะกว้างขึ้น ให้ Long spread แต่ถ้าคาดว่า Spread จะแคบลง ให้ Short spread (ไม่ว่าตลาดจะเป็นขาขึ้นหรือขาลง) เท่านี้ละครับ อิอิผมไปฟังเพลงต่อละ ตัวอย่างไว้วันหลังละกัน บาย… Oppan gangnamstyle Eh- Sexy Lady.. oh oh oh oh! 

Wednesday, August 22, 2012

รอสอย Weather Derivatives

สวัสดาคิบ อ้ะ! สวัสดีครับ,,,
เขียนเมื่อ 22 สิงหาคม 2555


จำได้ว่าช่วงครั้งแรกๆ ผมได้เล่าถึงตลาดอนุพันธ์ที่สำคัญหลายแห่งของโลก... หนึ่งในนั้นก็คือตลาด CME Group อันโด่งดังในอเมริกา (ใครยังไม่ได้อ่านก็ copy link นี้ไปแปะแล้วส่องดูนะครับ http://nakkanaayok.blogspot.com/2012/06/blog-post.html) ระหว่างนั่งดูข้อมูลอื่นไปเรื่อยๆ ผมก็สะดุดกับสิ่งนึงที่น่าสนใจเข้า... พี่น้องครับ เคยทราบกันมั้ยครับว่า บนโลกนี้ มีตราสารอนุพันธ์ที่มีสินค้าอ้างอิงเป็นสภาพดินฟ้าอากาศด้วย
จริงๆแล้ว ตราสารอนุพันธ์มีจุดกำเนิดมาจากสินค้าโภคภัณฑ์ (commodities) ซึ่งราคาสินค้าโภคภัณฑ์มักจะได้รับอิทธิพลจากสภาพดินฟ้าอากาศอยู่มากโข...  จึงเกิดแนวคิดแบบโจ๋ๆ ที่ว่าตราสารอนุพันธ์ก็น่าจะนำไปอ้างอิงกับดินฟ้าอากาศได้นะจ๊ะ... อีกทั้ง จากข้อมูลในเว็บไซด์ Chicago Mercantile Exchange เค้าบอกว่า หนึ่งในสามของธุรกิจบนโลกนี้ได้รับผลกระทบโดยตรงจากสภาพดินฟ้าอากาศครับ... เพราะฉะนั้นตราสารอนุพันธ์ต่อไปนี้จึงถูกคิดค้นขึ้น เพื่อช่วยควบคุมความเสี่ยง หรือเพิ่มโอกาสในการเก็งกำไร (ก็ยังได้)... ตราสารอนุพันธ์ชนิดที่ว่านี้ มีชื่อว่า Weather derivatives มีสินค้าอ้างอิงดังต่อไปนี้ครับ: 
1.     อุณหภูมิ (Temperatures) เช่น US Cooling Monthly, Canada Heating Seasonal, Asia-Pacific Monthly, Australia Heating Seasonal, Europe CAT Monthly
2.     หิมะ (Snowfall) ได้แก่ Snowfall monthly, Snowfall seasonal
3.     น้ำค้างแข็ง (Frost) ได้แก่ Frost monthly, Frost seasonal
4.     พายุ (Hurricanes) ได้แก่ Hurricane, Hurricane seasonal, Hurricane seasonal maximum
5.     ฝน (Rainfall) ได้แก่ Rainfall monthly, Rainfall seasonal 
จะว่าไปช่วงนี้บ้านเราฝนตกทุกวันเลย... ก็เสียวๆอยู่ครับว่าจะเกิดน้ำท่วมใหญ่แบบปีที่แล้วอีกรึป่าว... แม้ใจลึกๆ ผมคิดว่าไม่ เพราะประวัติศาสตร์ไม่น่าซ้ำรอยติดกัน... จริงๆ เมื่อปลายปีที่แล้ว หลังจากน้องน้ำกลับถิ่น ก็มีการพูดกันครับว่า น่าจะมีตราสารอนุพันธ์อ้างอิงปริมาณน้ำฝน (Rainfall Derivatives) ในบ้านเราซะทีดีมั้ย... ขนาดอเมริกาเอง ตอนที่โดนพายุเฮอริเคนกระหน่ำ ยังคิดค้นเฮอริเคนฟิวเจอร์สขึ้นมาได้เลย... ไม่แปลกหรอกครับ น้ำท่วมใหญ่ในรอบกว่าครึ่งศตวรรษ... ในประเทศที่เศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 2 ของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้... คนเสียชีวิตร่วม 800 คน... โรงงานจมน้ำกว่า 1,500 แห่ง... รวมแล้วความเสียหายเหนาะๆที่ธนาคารโลกประเมินไว้ก็ 1.44 ล้านล้านบาท (ซี๊สสเลยนะ)... หน่วยงานต่างๆก็ต้องหาแนวทางเพื่อป้องกันความเสี่ยงเป็นธรรมดา ไม่เว้นแม้แต่พี่ตอ (กลต.) ที่ออกมาเว้าว่า กำลังศึกษาความเป็นไปได้ของตราสารอนุพันธ์น้ำนะ เพื่อจะได้ช่วยปกป้องเกษตรกรจากผลกระทบของปัญหาน้ำท่วมและภัยแล้งด้วยละ... ดีครับ ผมรอสอยอยู่

Wednesday, August 15, 2012

ตำนานรักดอกเหมย (梅花) ตอน : Options ... ฉันรักเธอ

สวัสดีครับ,,,,
เขียนเมื่อ 15 สิงหาคม 2555


เมื่อหลายสัปดาห์ก่อน ผมได้พาทุกท่านบุกตะลุยไปยังสำนักหน้าหยก เพื่อฉก... (ฉกอะไรคลิกอ่านย้อนหลังที่นี่ครับ http://nakkanaayok.blogspot.com/2012/07/4.html) ซึ่งตอนนี้ผมก็เชื่อว่าเคล็ดวิชาตราสารอนุพันธ์ได้อยู่ในมือทุกท่านเรียบร้อยแล้ว... แต่! สิ่งที่ยากกว่านั้น คือ การรักษาและนำตำราเล่มนั้นกลับถิ่น เพื่อให้ลูกหลานได้ศึกษา... หนทางไกลหมื่นลี้ ต้องเริ่มด้วยก้าวแรก”…ระหว่างเดินทางกลับ ท่านต้องฟันฝ่าอุปสรรคมากมายครับ... อะฮ้า! ในที่สุด... เราก็มาถึงดงดอกเหมย... สถานที่อันศักดิ์สิทธิ์อันเป็นที่พำนักของศิษย์คนที่สาม สวัสดีพ่อหนุ่มและแม่นางทั้งหลาย... ข้า มีนามว่า Options”
Options หมายถึง ตราสารสิทธิที่ให้สิทธิแก่ผู้ซื้อหรือผู้ที่ถือ options ในการซื้อหรือขายสินค้าอ้างอิง ณ ราคาที่ตกลงกันไว้ล่วงหน้าหรือที่เรียกกันว่า ราคาใช้สิทธิ (Exercise Price หรือ Strike price) ครับโดยผู้ซื้อ (Long) หรือผู้ถือ Options จะได้สิทธิในวันนี้ในการซื้อหรือขายสินค้าอ้างอิงในอนาคต... ซึ่งหากไม่อยากใช้สิทธิ ก็แค่ปล่อยให้ Options นั้นหมดอายุไป... สำหรับผู้ที่ขาย (Short) Options นั้น แน่นอนครับว่า ท่านโดนของเข้าให้แล้ว (แต่อาจจะเป็นของดีก็ได้นะ)... เพราะท่านต้องขายหรือซื้อสินค้าอ้างอิงในอนาคตตามที่ผู้ถือ Options ต้องการ เรียกว่า มีภาระผูกพัน นั่นเอง... อ่าวแล้วงี้ผู้ขาย Options ก็เสียเปรียบซิ? ไม่หรอกครับ... เพราะผู้ขายจะได้รับค่าใช้สิทธิ (premium) จากผู้ซื้อเป็นการชดเชย (พูดง่ายๆ ก็คือ ผู้ซื้อ Options ต้องจ่ายค่า premium ให้กับผู้ขาย Options นั่นเอง)
นอกจากนี้ หากท่านเป็นผู้ซื้อ Options นั่นหมายถึง ท่านมีสิทธิเลือกถูกมั้ยครับ... เพราะฉะนั้น แน่นอนครับว่า ท่านจะเลือกใช้สิทธิก็ต่อเมื่อตัวท่านได้ประโยชน์... หรือพูดอีกนัยนึงว่า ผู้ขาย Options ต้องเป็นผู้เสียประโยชน์หากมีการใช้สิทธิเกิดขึ้น... ด้วยเหตุนี้ เพื่อป้องกันจากชิ่งวิ่งหนีของผู้ขาย Options… ตลาดหลักทรัพย์จึงกำหนดให้ผู้ขาย Options ต้องมีการวางเงินหลักประกัน (Margin) เพื่อเป็นค่ามัดจำด้วยครับ
Options มีจุดเด่นที่สามารถใช้สร้างกลยุทธ์ ทำกำไรได้ในทุกสภาวะตลาด... อีกทั้งยังสามารถนำมาผสมผสานกับ Futures หรือหุ้นเพื่อออกแบบกลยุทธ์ลงทุน รับมือกับตลาด ทั้งในภาวะขาขึ้น ขาลง หรือตลาดคงตัวด้วยครับ... Options นั้นถูกแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ตามลักษณะการให้สิทธิ (Right) แก่ผู้ถือ Options… ได้แก่:
1.     Call Options หมายถึง ตราสารสิทธิที่ให้สิทธิแก่ผู้ถือ (ซื้อ) ในการซื้อสินค้าอ้างอิง ตามราคา ปริมาณ และภายในเวลาที่กำหนด เช่น ถ้าหุ้น BANPU มีราคาตลาดอยู่ที่ 450 บาท แล้วผมมี Call Options ที่มีราคาใช้สิทธิซื้อหุ้น BANPU ที่ราคา 400 บาท... แน่นอนครับ ผมใช้สิทธิ เพราะผมสามารถซื้อหุ้น BANPU ได้ในราคา 400 บาท ซึ่งถูกกว่าซื้อในตลาดที่ราคา 450 บาท
2.     Put Options หมายถึง ตราสารสิทธิที่ให้สิทธิแก่ผู้ถือ (ซื้อ) ในการขายสินค้าอ้างอิง ตามราคา ปริมาณ และภายในเวลาที่กำหนด เช่น ถ้าหุ้น BBL มีราคาตลาดอยู่ที่ 195 บาท แล้วผมมี Put Options ที่มีราคาใช้สิทธิขายหุ้น BBL ที่ราคา 220 บาท... แน่นอนครับ ผมใช้สิทธิ เพราะผมสามารถขายหุ้น BBL ได้ในราคา 220 บาท ซึ่งสูงว่าขายในตลาดที่ราคา 195 บาท
เสริม: จริงๆแล้ว ใบจองรถ หรือใบจองคอนโด ที่เราคุ้นเคย ก็จัดเป็น Options ประเภทหนึ่งครับ... ลองทายซิว่าเป็นประเภทไหน? อิอิ เฉลยเลยละกัน... เป็น Call options ครับ! เพราะอะไร? เพราะใบจองก็คือสิทธิในการซื้อ ที่เราสามารถเลือกที่จะซื้อรถหรือคอนโดนั้น หรือไม่ก็ได้... ถ้าราคาคอนโดสูงขึ้น, เป็นที่ต้องการมากขึ้น แน่นอนครับว่าราคาใบจองก็ต้องสูงขึ้น... ซึ่งผู้ถือ (ซึ่งถือใบจองตั้งแต่ตอนราคาคอนโดยังไม่ขึ้น) ก็สามารถนำไปจองนั้นไปขายในตลาด เพื่อรับส่วนต่างกำไร (Capital gains) โดยไม่ต้องถือรอใช้สิทธิก็ได้ หรือจะถือรอจนหมดอายุเพื่อใช้สิทธิซื้อก็ได้... จะเห็นได้ว่า คอนโด หรือรถ ก็คือสินค้าอ้างอิงของ Options นั่นเอง... ฉันใด ฉันนั้น ในตลาดอนุพันธ์บ้านเรา (TFEX) Options ก็มีสินค้าอ้างอิงเช่นเดียวกันครับ นั่นก็คือ SET50 Index (ยังไม่มีแบบหุ้นรายตัวนะ) เมื่อรวมตัวกัน เลยชื่อเรียกสุดเท่ห์ว่า SET50 Index Options!
และแล้ว... ตำนานรักที่ดงดอกเหมย (梅花) ก็จบลง... ขอฝากข้อคิดไว้นิดครับว่า... แม้ดอกเหมยจะงดงามเพียงใด แต่ก็ได้ชื่อว่าเป็นดอกไม้ที่อ่อนน้อม ถ่อมตัว... เพราะเป็นดอกไม้เพียงชนิดเดียวที่บานสู้หิมะในฤดูหนาว และจะไม่บานแข่งกับดอกไม้อื่นที่มักจะบานในฤดูร้อน... ฉันใด ฉันนั้น... ไม่ว่าบุคคลจะเก่ง ฉลาดเพียงใด ก็ควรรู้จักอ่อนน้อม สงบเสงี่ยม และไม่อวดตัว... เช่นนี้แล้ว ความสำเร็จก็อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมครับ