Wednesday, August 13, 2014

นอกกรอบ

สวัสดีครับ,
เขียนเมื่อ 13 สิงหาคม 2557

ผ่านพ้นช่วงวันหยุดยาวกันไปกลับมาเริ่มงานใหม่ ตลาดหุ้นไทยก็ขึ้นให้ชื่นใจไล่ตามตลาดภูมิภาคในช่วงที่ปิดไปอย่างน่าเกรงขาม จากรูป จะเห็นว่า SET Index วิ่งเลี้ยงตัวสวยในกรอบขาขึ้นมาตั้งแต่ต้นปีและก็ยังไม่มีท่าทีจะหลุดนอกกรอบให้วุ่นวายใจ แถมยังยืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 50 วัน (สีฟ้า) ได้อย่างสวยหรูอีก แบบนี้ก็คงไม่ต้องสืบละนะครับว่าเชียลงไปก็มีแต่ปวดร้าว เว้นเสียแต่มันจะหลุดกรอบขาขึ้นนี้แบบหมดจดเท่านั้น   



ในขณะที่ เหลือบไปมองเจ้ากองตุน เอ้ย กองทุนไทย ก็แหมขยันออกกันจัง Trigger funds เนี่ย ผุด ผุด ผุด รวมๆกันในช่วงนี้ก็กว่า 3 พันล้านบาทเข้าให้ ตลาดหุ้นไทยเลยเหนียวซะยิ่งกว่าตังเมซะอย่างนั้น



ถัดมาลองมาดูตัวเลขสัดส่วนการซื้อขายของฝรั่งกันครับ จะเห็นว่าลดลงพรวดในช่วงไตรมาส 3 ของปีนี้ (จาก 30.1% ในไตรมาส 1 เป็น 18.9% ในไตรมาส 3) ในขณะที่รายย่อยอย่างเราๆ นั่นละครับ ตัวดี ซื้อขายกันจัง สัดส่วนเพิ่มขึ้นมาเห็นๆ (จาก 47.5% ในไตรมาส 1 เป็น 61.7% ในไตรมาส 3) บ้างก็เลยเอามาสรุปกันว่าฝรั่งเค้ารอจังหวะเป้งๆอยู่ตลาดหุ้นไทยลงเมื่อไหร่ สอยแหลกแน่... มันก็เลยไม่ลงซักทีนะซิ ฮือๆ

สุดท้ายของบทความนี้แต่ไม่ท้ายสุด ผมนำเรื่องของเพดานการคุ้มครองเงินฝากมาฝากครับ เพราะว่ามันกำลังจะถูกลดลงครึ่งหนึ่งจากที่คุ้มครอง 50 ล้านบาท เหลือ 25 ล้านบาทในวันที่ 11 สิงหาคมปีหน้า และจะเหลือคุ้มครองเพียง 1 ล้านบาท ในวันที่ 11 สิงหาคมอีกปีถัดไป ตรงนี้ก็เป็นที่คาดการณ์กันว่าอาจจะมีเงินบางส่วนวิ่งวนไปเข้าสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่าเช่น กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ หรือแม้แต่หุ้น (เงินฝากของธนาคารพาณิชย์ทั้งระบบ ณ ปัจจุบันอยู่ที่ราว 10 ล้านล้านบาท ถ้าปีหน้าลดการันตีลงมาครึ่งหนึ่งก็อาจจะมีสภาพคล่องราว 5 ล้านล้านบาทที่จะวิ่งไปหาสินทรัพย์อื่น เช่น หุ้น)



บทสรุปของผมก็คือ ตลาดหุ้นไทยในช่วงนี้น่าจะยัง resilient อยู่ครับ หมายถึง แม้จะมีปัจจัยภายนอกและภายในมากระทบทำให้หุ้นตกซักเพียงใด หุ้นไทยก็น่ามีแรงซื้อเข้ามาช่วยพยุงอยู่ได้ตลอด..แต่จะเป็นแบบนี้ไปได้อีกนานซักแค่ไหน อันนี้ก็ต้องติดตามตอนต่อไปละครับ!

Wednesday, July 30, 2014

ประเทศจีน

สวัสดีครับ,
เขียนเมื่อ 30 กรกฎาคม 2557

ตลาดหุ้นไทยดูเหมือนจะเริ่มห่อเหี่ยวหลังจากปรับตัวขึ้นติดต่อกันมาถึง 6 สัปดาห์ (มีขึ้นมีลงเป็นสัจธรรม) 
  
ความจริงเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อนทีมนักวิเคราะห์เชิงปริมาณของบัวหลวงเราได้ออกมาคอลว่าตลาดหุ้นไทยจะมีการปรับลงแรง (ณ ช่วงเวลานั้น SET Index อยู่ที่ราว 1530-1540) แต่ดัชนีก็ได้ปรับตัวสวนทางเล็กน้อยโดยขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ 1548 ในสัปดาห์ถัดมา

อย่างไรก็ดี ถือว่ามี error นิดหน่อยไม่ได้น่าเกลียดครับ เพราะวันนี้ทีมเดิมก็ได้ออกมาย้ำอีกครั้งครับว่าตลาดหุ้นไทยยังมีความเสี่ยงที่จะปรับฐานได้อยู่ (สัญญาณต่างๆ ยังบ่งบอกว่าแพง) ซึ่งผลลัพธ์ที่ออกมาก็คือ ในสัปดาห์นี้ตลาดเริ่มปรับฐานจริงบ้างละโดยล่าสุดดัชนีลงมาปิดที่ 1512.41 ณ ครึ่งเช้าของวันที่ 30 ก.ค.



ช่วงเวลาแบบนี้ ผมเลยอยากพักผ่อนพาทุกท่านแวะไปเที่ยวเอเชียเหนือกันดีกว่า โดยจุดหมายปลายทางแรกก็คือ ประเทศจีน โดยมีผลสำรวจที่น่าสนใจจาก Morgan Stanley ที่เค้าได้ทำการสำรวจความคิดเห็นนักลงทุนและผู้จัดการกองทุนทั่วโลกผลปรากฎว่า ท่านเหล่านั้นเชื่อว่าตลาดหุ้นจีน (MSCI China) จะให้ผลตอบแทนที่ดีถึง 6.8% ในช่วงเวลา 12 เดือนจากนี้ครับ (เพิ่มขึ้นจาก 3.9% ที่สำรวจเมื่อเดือนก่อน)
  
เหตุผลหลักๆ ก็คือเรื่องของการปฏิรูปนโยบายต่างๆ ของจีนเค้านั่นละครับ โดยหากลงไปดูให้ลึกซักนิดก็จะพบว่าจีนกำลังใช้นโยบายการคลังขาดดุล (Fiscal deficit) ซึ่งสูงสุดในรอบ 4 ปี รวมถึงใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลาย (Targeted monetary easing measures: IR/RRR cuts) ทั้งหมดนี้ ก็เพื่อกระตุ้นการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจเค้านั่นละ
  
กลุ่มที่ได้รับ Top vote ว่าจะให้ผลตอบแทนที่ดีที่สุดใน 12 เดือนจากนี้ก็คือเทคโนโลยี (Technology) และการเงิน (Financials) ส่วนกลุ่มที่ได้รับ Bottom vote ก็คือ กลุ่มวัสดุ (Materials) ครัช



สุดท้าย พูดถึงผลตอบแทนจะไม่พูดถึงความเสี่ยงก็ไม่ได้ จากผลสำรวจ เรื่องที่เป็นที่น่ากังวลที่สุดของประเทศจีน ณ ขณะนี้ก็คือ หนี้เสียของภาคธนาคาร (Bank NPLs) และเรื่องอัตราการขยายต่อของเศรษฐกิจที่อาจเติบโตได้ช้าลง (GDP growth deceleration)
  
นิเป็นเพียงส่วนหนึ่ง เป็นน้ำจิ้มเผื่อท่านใดอยากจะกระจายการลงทุนไปต่างประเทศเพื่อลดความเสี่ยง แต่ขอย้ำท่านต้องศึกษาข้อมูลให้มากและลึกซึ้งกว่านี้นะครับ! รู้แค่นี้ไม่พอหรอก สู้ๆ 

Wednesday, July 16, 2014

หล่อ

สวัสดีครับ,
เขียนเมื่อ 16 กรกฎาคม 2557

ต้องบอกว่าตลาดหุ้นไทยหนังเหนียวฝุดๆ เพราะไม่ว่าค่ายไหน โบรกไหน คนไหน จะเชียร์ให้ตลาดลงเทกระจาดซักเพียงใด ม้านก็ไม่ยอมลง ซึ่งหากใครจำกันได้เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน หลักทรัพย์บัวหลวงเราได้ “หล่อ” โดยปรับเป้าสิ้นปี SET Index จาก 1480 ขึ้นไป 1530 (ตอนนั้น SET Index อยู่ที่ 1470) โดยให้เหตุผลแบบฮาๆ ว่ากลัวถึงเป้า 555
  
แต่จากนี้ไปเนี่ยสิ ยังไง ผมก็ได้สอบถามบุรุษท่านเดิมผู้ซึ่งเป็นคนปรับเป้า SET Index เมื่อครั้งก่อน บุรุษท่านนั้นบอกว่า มันก็ขึ้นกับ Regional อะนะ ถ้าตลาดภูมิภาคขึ้น เราก็ยังขึ้นตามได้อีก แล้วไอ 1530 ที่ให้นะ มันเป็น base-case แต่ถ้า bull-case อะมันได้ถึง 1580 !!
  
แต่
  
ชะช้า เมื่อตลาดหุ้นขึ้นมาถึงเป้าแรกแล้วจะให้ขึ้นต่อพรวดๆๆ เลยก็กระไรอยู่ ทีมนักวิเคราะห์เชิงปริมาณหลักทรัพย์บัวหลวงจึงได้ฤกษ์ออกโรงออกเปเปอร์สะท้านพิภพตบตลาดให้ย่อก่อนซักนิดเพราะดัชนีมาถึง 1530 ตามที่คิดแล้วก็ควรจะพักบ้างอะไรบ้างซักกระติ๊ด



จากรูป ผมหยิบมาให้ดูเป็นน้ำจิ้ม จะเห็นว่า SET’s forward PE มันขึ้นมาอยู่ในโซนแพงซะแล้ว (รูปซ้าย) ซึ่งทุกครั้งที่มันอยู่ในโซนแพง แม้ว่าอาจจะยื้อจะยักจะนักจะนานซักเพียงไหนประเดี๋ยว มันก็ต้องมีลงมาหน่า.. ประกอบกับไปดูไอเจ้าค่าความผันผวน (E-GARCH Vol) ปรากฎว่ามันอยู่ในโซนต่ำมาเป็นเวลานาน (รูปขวา) นั่นหมายถึงโอกาสที่ความผันผวนจะขึ้นจากนี้ไป มีสูงมาก.. อันตราย?



ซึ่งถ้าลองดูในเชิงเปรียบเทียบแล้วจะเห็นว่าตลาดหุ้นสหรัฐฯก็อยู่ในโซนแพงเช่นกันครับ ในขณะที่ตลาดหุ้นจีนดันเข้าใกล้โซนถูกซะงั้น
  
อย่างไรก็ดีผมเชื่อว่าระยะยาวแล้วตลาดหุ้นไทยยังมีโอกาสอีกมากให้นักลงทุนได้จับจองเป็นเจ้าของบริษัทที่ดี ซึ่งจากนี้ไม่ว่าตลาดจะปรับฐานหรือไม่ หรือจะขึ้นพรวดๆไปไม่สนเป้าเลยก็ตาม สิ่งที่ต้องพึงระลึกไว้เสมอก็คือต้องศึกษาข้อมูลให้ดีทุกครั้งก่อนลงทุนนะครับ ต้องรอบคอบ และไม่ประมาทครับผม  

Wednesday, July 2, 2014

พลังคลื่นเต่า

สวัสดีครับ,
เขียนเมื่อ 2 กรกฎาคม 2557

ตลาดหุ้นไทยหลังจากไต่ๆ อยู่แถว 1470 ได้เกือบเดือนในที่สุดก็ปู๊ดขึ้นมาถึง 1490 ได้ในวันเปิดศักราชใหม่ของครึ่งปีหลังของปี 2014 พร้อมๆ ไปกับการปล่อยพลังคลื่นเต่าของเหล่าโบรกเกอร์ ที่มองว่าหุ้นไทยปีนี้น่าจะไปจบกันที่เกิน 1700 จุด



ในขณะที่บัวหลวงเรา ยังเก็บพลังเต่าไว้อยู่ไม่ได้ปล่อยครับเพราะเพิ่งปรับเป้าสิ้นปีขึ้นไปที่ 1530 จุด (จาก 1480 จุด) ไปเมื่อสองอาทิตย์ก่อน และเรายังไม่คิดว่ามันจะไปได้ไกลกว่านั้นในปีนี้ครับ

ส่วนตัวผมเองก็เริ่มตะหงิดๆ เพราะลองดูจากกราฟเจ้า S50U14 จะพบว่า เฮ้ย มันขึ้นมาใกล้ระดับสูงสุดที่ทำไว้เมื่อปีก่อนแล้วนิหน่า (แถวๆ 1010) เป็นไปได้ว่าจะมีปรับ มีพัก กันก่อนหรือเปล่า?



กระนั้นก็ยังไม่แน่ใจ เลยหันไปปรึกษา ทีมที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็น ขาโหดของบัวหลวง นั่นก็คือ ทีม Quantitative Model



เลยได้ 4 กราฟหฤโหด ส่งมาให้แต่หัววันครับ (ดังรูปด้านบน) สรุปได้ว่าตลาดหุ้นไทยกำลังเข้าสู่ จุดที่ความเสี่ยงสูง (Risky area) และเข้าสู่พื้นที่แพง (Expensive zone) ทำให้มีโอกาสที่ตลาดจะปรับฐานเบื้องต้นได้ราว 2-3% ในเร็วๆนี้ครับ
   
ก็ไม่รู้สินะ.. At the beginning of a bull market, few investors believed it has started. At the end of a bull market, few accept that it’s ending. ก็ต้องดูกันต่อไป ใครเล่าจะรู้จริง
  
โชคดีครับ

Wednesday, June 18, 2014

จะช้าอยู่ใย

สวัสดีครับ,
เขียนเมื่อ 18 มิถุนายน 2557

ตั้งแต่ทหารได้ยึดอำนาจการปกครองประเทศเมื่อ 22 พฤษภาคม ที่ผ่านมาก็เป็นเวลาเกือบเดือนแล้วที่ตลาดหุ้นไทยขึ้นปู๊ดๆ ตอบรับในเชิงบวก หลงจ้งก็ราว 5% มาเคาะใกล้ประตู1500 ได้อย่างไม่หวั่นเกรงฝรั่งหัวทอง
   
หลักทรัพย์บัวหลวงเราก็ไม่รอช้าครับ เพราะดัชนี SET ณ บัดนาว (สิ้นวัน 17 มิ.ย.) แถว 1470 ก็ใกล้เป้าหมายสิ้นปีเดิมที่ 1480 ซะเหลือเกิน จะช้าอยู่ใย ปรับหนีมันซะเลย! (แบบว่ากลัวถึง) โดยฝ่ายวิจัยได้ขยับเป้าหมายสิ้นปีขึ้นไปเป็น 1530 บ่งบอกถึง upside อีก (เพียง) ราว 4% เนื่องจากนโยบายต่างๆ ของคสช.ที่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจให้ดีขึ้นแต่ก็เตือนละครับว่า ความเสี่ยงจากนี้ไปอยู่ที่การฟื้นตัวของ 3 ใบเถา อย่างอเมริกา ยุโรป และจีน รวมถึงการที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ จะเลิกมาตรการ QE ภายในสิ้นปีนี้และขายคืนพันธบัตรและขึ้นดอกเบี้ยในช่วงปีหน้า



ความชัดเจนเรื่องการแต่งตั้งรัฐบาลรักษาการณ์ในไทยก็เป็นอีกเรื่องที่ต้องจับตามองครับ กรอบเวลาสำคัญ! จริงๆแล้วถ้าลองเปรียบเทียบกับเหตุการณ์รัฐประหารเมื่อปี 2006 ช่วงนั้นตลาดหุ้นไทยก็ขึ้นมาได้ราว 4-5% นับจากวันที่ประกาศแล้วก็พักฐาน ซึ่งถ้ายึดตัวเลขเดียวกัน ก็จะตรงกับดัชนีปัจจุบันที่ระดับ 1470-1480 พอดี แปลว่าแถวนี้อาจมีพักก่อนปรับฐานซักนิด แล้วจะขึ้นต่อหรืออย่างไร ค่อยว่ากัน
   
เหลือบมองตลาดอนุพันธ์ก็เอ่ะใจ เพราะเจ้า SET50 Futures (S50M14) ช่วงนี้มีราคาสูงกว่าเจ้า SET50 Index เสียอีก สภาวะแบบนี้เค้าเรียกว่า Contango ครับ บอกเป็นนัยๆ ว่าคนส่วนใหญ่มองว่าตลาดยังมีโมเมนตัมเชิงบวก เจ้าอนาคต (SET50 Futures) ถึงอยู่สูงกว่าเจ้าปัจจุบัน (SET50 Index) ซะแบบนั้น แต่ถ้าจะดูให้ละเอียดจริงๆต้องดูเปรียบเทียบกับมูลค่าทางทฤษฎีที่คำนวณโดย Cost of Carry Model ด้วยครับ.. เอิ๊กๆ บางท่านก็ว่า อย่าดูถึงกระนั้นเลย

เอาแค่ขึ้นหรือลงก็พอละ

Wednesday, May 21, 2014

ยกพลขึ้นบกฝนก็ต้กพร่ำพร่ำ

สวัสดีครับ,
เขียนเมื่อ 21 พฤษภาคม 2557

ช่วงนี้คงไม่มีข่าวใดฮอตฮิตไปกว่าการประกาศกฎอัยการศึกฉึกๆ ซึ่งสื่อฝรั่งบางเจ้าเค้าก็ว่าเป็นการทำรัฐประหารกลายๆ แต่เอาเข้าจริงก็ยังไม่แน่ดอกครับ เพราะรัฐบาลรักษาการณ์ก็ยังทำงานอยู่ ต้องรอดูตอนสุดท้ายว่าจะลงเอยเยี่ยงไร.. ส่วนหุ้นไทยเราก็เจ๋งกระต๊ากไปเลย ลงโป้งเดียวเมื่อวาน แล้วก็กลับมาเคาะประตู 1400 จุดได้อีกครั้งในวันนี้.. โช้ะเด๊ะ
   
ตั้งแต่ประเทศไทยมีการเปลี่ยนแปลงระบบการปกครองจากสมบูรณาญาสิทธิราชย์ (Absolute Monarchy) เป็นราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ (Constitutional Monarchy) เรามีการรัฐประหารทั้งหมด 11 ครั้ง (บางตำราว่า 12) มี 23 รัฐบาลทหาร และ 9 รัฐบาลที่ทหารเป็นคนแต่งตั้ง ซึ่งเป็นที่น่าสังเกตว่าทุกครั้งที่ทำการรัฐประหารสำเร็จฝ่ายที่ทำล้วนมาจากทหารบกทั้งสิ้น ส่วนทหารเรือเคยพยายามก่อรัฐประหารมาแล้ว (ในกรณีกบฏวังหลวง เมื่อปี พ.ศ. 2492 และกบฏแมนฮัตตัน เมื่อปี พ.ศ. 2494) แต่กระทำการไม่สำเร็จ ซึ่งหลังจากนั้น ทหารเรือก็เสียอำนาจในการเมืองไทยไป.. อ่ะโจ้ย


  
ว่าด้วยเรื่องประวัติศาสตร์ไปซักกะเล็กกะน้อย (รู้ไว้ใช่ว่าใส่บ่าแบกหาม) กลับมาที่ตัวเลขซื้อขายหุ้นไทยของฝรั่งซักกะหน่อย จะเห็นว่าในเดือนนี้ฝรั่งขายหุ้นไทยไปหมื่นกว่าล้านบาท (เป็นเมื่อวาน 20 พ.ค. ซะแปดพัน) ซึ่งทำให้หุ้นไทยลงมาราว 1.4% จากต้นเดือน และก็ทำให้คำกล่าวที่ว่า“ขายเดือนพฤษภาแล้วหนีไปก่อนเถอะนะจ๊ะ” (Sell in May and Go away) ยังไม่ผิด ณ ขณะนี้
  
แต่เดี๋ยวก่อน! มีคนขาย ก็ต้องมีคนซื้อซิครับ แล้วใครละ? กระต๊าก ใช่แล้ว นักลงทุนสถาบันในประเทศของเรานั่นกะเองที่ช่วยๆกันซื้อเข้าไปร่วมหมื่นล้านเมื่อนับจากต้นเดือน.. ซึ่งนั่นก็พอจะสะท้อนได้ว่านักลงทุนสถาบันในประเทศเริ่มเชื่อมั่นว่าการเมืองไทยใกล้จะจบ (จบป่ะ?) สถานการณ์คงจะเริ่มดีขึ้นกระมัง.. แล้วพวกคุณละ เหล่านักลงทุนขาโจ๋ 

เชื่ออย่างนั้นหรือเปล่า?

Wednesday, May 7, 2014

เปราะบาง

สวัสดีครับ, 
เขียนเมื่อ 7 พฤษภาคม 2557



วันนี้เป็นวันที่ 2 ของการซื้อ-ขาย mini SET50 Futures ซึ่งในความเห็นผมมองว่า การซื้อ-ขายมีลักษณะแปลกๆ อยู่บ้าง เช่น ช่อง bid-offer ในบางช่วงทิ้งห่างกันมาก (อาจเป็นเพราะเวลานักลงทุนสถาบันหรือรายใหญ่คีย์คำสั่ง market price ทำให้เกิดการรวบขึ้น หรือ เทกระจาดลง ได้ง่ายขึ้น เนื่องจากขนาดสัญญาเล็กลง 5 เท่า) โดยตัวอย่างที่เกิดขึ้นทันที ก็คือ เมื่อวานในช่วงก่อนตลาดปิด มีใครก็ไม่รู้คีย์คำสั่งซื้อ-ขายผิดทำให้สัญญา S50M14 ลงไป 30 กว่าจุด (ทำ low ที่ 913) ซึ่งที่ผ่านมา การคีย์ผิดพลาด ไม่น่าสามารถลากตลาดลงได้ขนาดนั้น นั่นหมายถึง ครั้งนี้มีคนตั้ง bid รองรับไว้ไม่เยอะเท่าที่ควร (ทั้งๆที่จริงๆควรเยอะกว่านี้เพราะขนาดสัญญาเล็กลง) สรุปเบื้องต้นได้ว่าตลาด TFEX ดูเหมือนจะมีความเปราะบาง (fragile) มากขึ้นครับ
  
ที่น่าสนใจก็คือ ในช่วงเวลาซื้อ-ขายปกติ นักลงทุนก็ไม่ได้ตั้ง bid หรือ offer เพิ่มขึ้น 5 เท่า หรือใกล้เคียง 5 เท่า เหมือนกับที่ตัวคูณของสัญญา (multiplier) ลดลงไป 5 เท่า (จาก 1000 เหลือ 200) ซึ่งตรงนี้ ก็นั่นละครับไปสนับสนุนข้อสรุปในเรื่องความเปราะบางของตลาด และนั่นก็มาสู่คำถามปิดท้ายที่ว่า การลดขนาดสัญญาลงช่วยให้สภาพคล่องในการซื้อ-ขายดีขึ้นหรือซื้อขายง่ายขึ้นจริงหรือ?
  
อย่างไรก็ดี ตรงนี้เป็นเพียงข้อสังเกตเบื้องต้นที่ผมพบเจอในช่วงแรกของการซื้อ-ขายครับ ซึ่งคงต้องจับตาต่อไปอีกซักระยะหนึ่ง.. แต่ก็ขอแนะนำให้นักลงทุนเพิ่มความระมัดระวังและรอบคอบให้มากขึ้นสำหรับการลงทุนใน miniSET50 Futures ในช่วงนี้ครับ 

Wednesday, April 23, 2014

ชินชาเซ็งเป็ด

สวัสดีครัช,
เขียนเมื่อ 23 เมษายน 2557
   
ห่างหายกันไปในช่วงสงกรานต์ เปิดมาตลาดก็ปรู๊ดๆ ขึ้นต่อเนื่องทำจุดสูงสุดใหม่ในรอบเกือบ 6 เดือน.. เป็นเพราะอะไร? ผมคิดว่าหลักๆเป็นเพราะนักลงทุนเริ่มหนืด ชินชา เซ็งเป็ด กับข่าวการเมืองในประเทศที่ยืดเยื้อมานานแสนนาน รวมถึงสิ่งที่แย่สุดๆ ก็อาจถูกคาดการณ์ไว้หมดแล้ว พอเป็นเช่นนี้ตรรกะมันก็กลายเป็นว่า “จะมีอะไรแย่ไปกว่านี้อีกละ?” หรือ พอถามว่ารัฐบาลจะตั้งได้เมื่อไหร่ปลายปีเลยมั้ย คนก็เริ่มชิลๆเฉยๆ “แล้วไงละ?” หรือเศรษฐกิจปีนี้จะเป็นอย่างไรนะ.. เราก็ตอบได้เลยว่า “ไม่ต้องสืบ” เพราะแทบทุกสำนักก็คาดการณ์ว่าจะโตได้กระจิ๊ดริดอยู่แล้ว หรือพูดอีกอย่างว่าทุกอย่างมัน in the price ไปเกือบหมดละ
  
ในแง่ผลประกอบการ กลุ่มธนาคารไทยที่เพิ่งประกาศผลประกอบการไตรมาสหนึ่งปีนี้ก็ถือว่าไม่ขี้เหร่มากหากมองในภาพรวม.. นักวิเคราะห์ของบัวหลวงของเราถึงเปรยๆว่ามีโอกาสที่กำไรของกลุ่มทั้งปีจะทำจุดสูงสุดใหม่เลยเชียวนะ! โดย ณ ตอนเนี้ย P/BV กลุ่มธนาคารเราซื้อขายกันที่ 1.35 เท่าซึ่งถูกกว่าค่าเฉลี่ยของภูมิภาคที่อยู่ที่ 1.5 เท่า.. เอาไงดีละๆ  


สุดท้ายแถมให้ครับ ลองไปดูงบดุลของธนาคารกลางสหรัฐฯ ตอนนี้จะเห็นว่าโอ้ว โอ้ว โอ้ว ทำไมมีสินทรัพย์มันเยอะขนาดนี้เกือบ 4 ล้านล้านดอลลาร์ฯเข้าไปแล้ว (แบงค์ชาติไทยประมาณ 4 ล้านล้านบาท) ซึ่ง Fed ก็บอกไว้ว่านี่คือ peak ละนะ มากกว่านี้ไม่ไหวแล้ว นั่นหมายถึงกระบวนการปล่อยของ รวมถึง tapering ก็จะต้องดำเนินต่อไปเรื่อยๆละ..อย่างไรก็ดี ข้อสรุปของผมก็คือ สุดท้ายแล้วราคาหุ้นในระยะยาวก็ขึ้นอยู่กับผลประกอบการของบริษัทนั้นๆนั่นละครับ เพียงแต่ระยะสั้นมันอาจถูกกระแทกด้วยข่าวโน้น ข่าวนี้ fund flows บ้างการเมืองบ้าง อะไรบ้าง.. บางทีเราก็ต้องอย่าได้แคร์มันครัช


Wednesday, April 2, 2014

Unstoppable Momentum

Hi,
Written on April 2, 2014

Four days in a row that foreign investors had been net buyers in Thai equities making the SET proliferate 27 points or 2% due to speculation over QE launching from the ECB. Even though the number came out as my expectations and that momentum could continue for a while, don’t be too complaisant as our fundamental still looks dry.

Grudgingly speaking, the ADB projected Thailand’s economic growth will be the second lowest among Asean members this year, after Brunei’s 1.1%. The political crisis is undoubtedly the No.1 risk for the country. The Constitutional Court’s ruling last month to nullify the inconclusive election on Feb 2 and call for a new poll WITHOUT providing a time frame increases uncertainty on whether a functioning government will be formed in the first half. Nonetheless, the bank said foreign investors in Thailand are not expected to flee, but prefer to hold off until the political situation eases before making additional investment.

 

In terms of fundamental, clearly the Thai economy is at risks of falling into recession for the first two quarters, yet not worrisome as it could rebound from Q3. Central bank governor Prasarn said, “We should not give much weight to the technical recession. It’s not a worry if it’s a case of unemployment remaining low and businesses continuing to run, as the economy in Q3 and Q4 could pick up.” He added the monetary policy easing could boost consumer and investment confidence, but its efficiency was constrained amid the current situation and would not solve the problem immediately.Remember on Mar 12, the MPC voted 4 to 3 to slash the policy rate by 25 bps to 2% to provide a buffer to downside risks to growth. I think it’s adequate for now given the +2.11%YoY Mar-inflation reported yesterday that causes the real interest rate to negative (-0.11%). Inflation is expected to rise to about 3% by end-2014 and average 2.5% for the whole year. Therefore, the MPC could maintain its rate at 2% at its April 23 meeting.

ประเทศที่งืดกว่าไทย

สวัสดีครับ,
เขียนเมื่อ 2 เมษายน 2557

สัปดาห์นี้ตลาดหุ้นไทยปู๊ดๆครับ ปู๊ดๆ .. ต้องบอกว่าพลังการเก็งกำไรในเรื่องของ QE Launching (ไม่ใช่ tapering นะครัช) จาก ECB เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้ตลาดหุ้นไทยขึ้นมาร่วม 30-40 จุดจากสัปดาห์ก่อน ยิ่งตัวเลขเงินเฟ้อล่าสุดของยูโรโซนที่เพิ่งประกาศออกมา +0.5% (ต่ำสุดในรอบ 4 ปี กว่า) ยิ่งเพิ่มความน่าจะเป็นว่า ECB ควรจะต้องทำอะไรซักอย่าง (ลุ้นวันพฤหัสนี้).. ฝรั่งเองก็ได้กลับมาซื้อหุ้นไทยช่วง 3-4 วันที่ผ่านมามูลค่าเกือบหมื่นล้านบาท.. มีเสียวครับ .. ใคร short futures ไว้มีเสียว
  
อย่างไรก็ดีในแง่พื้นฐานแล้ว ผมยังเชื่อว่าตลาดหุ้นไทยมิได้ถูก เศรษฐกิจไทยเองก็ยังเหี่ยวๆ ถึงกับมีบางค่ายประเมินว่าเศรษฐกิจไทยปีนี้จะโตได้เพียง 1% OMG!! .. อีกด้านหนึ่งธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย (ADB)  ก็ออกมาประกาศว่าเศรษฐกิจไทยปีนี้จะโตได้งืดเกือบสุดในอาเซียน โดยมีเพียงบรูไนเท่านั้นที่โตได้งืดกว่าเรา 


ทั้งนี้ ถึงหุ้นจะขึ้น แต่อย่าลืมพิจารณาด้วยนะครับว่า กำไรของบริษัทที่เราลงทุนขึ้นตามด้วยรึป่าว มิเช่นนั้น สุดท้ายจะโดนเจ้ามือตัวจริงของตลาดหุ้น ซึ่งก็คือกำไรของบริษัทจดทะเบียน หลอกเอาได้ .. ขอให้โชคดีครับ