สวัสดีครับ,
26 มี.ค. 2559
ผมได้รับการติดต่อจากประธานรุ่น 89 (เต้)
ให้เขียนบทความเกี่ยวกับการลงทุนสั้นๆ ให้พวกเราชาวอินทาเนีย 89 ได้อ่านกัน ต้องขอออกตัวก่อนครับว่าผมนั้นไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนอะไร
และสิ่งที่จะเล่าต่อจากนี้ก็เป็นเพียงมุมมองนึงที่นำมาแชร์เพื่อแลกเปลี่ยนกับเพื่อนๆ
เท่านั้นครับ
สิ่งหนึ่งที่ผมเห็นการเติบโตตลอดช่วงเวลาการทำงานประมาณ 7 ปีในแวดวงตลาดทุนนั้น
ก็คือการที่คนไทยเริ่มให้ความสนใจกับการลงทุนในหุ้นมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด สังเกตได้จากเมื่อใดก็ตามที่มีการจัดสัมมนาเกี่ยวกับหุ้นและเชิญคนดังๆ
มาพูด คนมักจะเต็มห้องประชุมแทบทุกครั้ง
หรือหากไปร้านหนังสือก็จะพบว่าร้านหลายแห่งในปัจจุบันแทบจะยกแผงใหญ่ๆ
แผงนึงให้เป็นที่วางของหนังสือเกี่ยวกับหุ้น ทั้งๆ ที่เมื่อสมัย 10 กว่าปีก่อน
หนังสือเกี่ยวกับหุ้นในร้านหนังสือนั้นมีน้อยมาก การที่จะหาหนังสือเกี่ยวกับการลงทุนเด็ดๆ
ซักเล่มต้องพึ่ง Text book เท่านั้น นอกจากนี้ยังมีเศรษฐีหุ้นหน้าใหม่เกิดขึ้นมากมายด้วยสไตส์การลงทุนหลากหลายที่
‘เซียน’ เหล่านั้นก็เชื่อว่าของตนนั้นสุดยอด ความจริงแล้วสาเหตุหนึ่งคงเป็นเพราะนับตั้งแต่หลังวิกฤต
subprime หุ้นไทยให้ผลตอบแทนที่ค่อนข้างดีมาตลอดครับ เพิ่งจะมาสะดุดหนักๆ เอาก็ปีที่แล้วเท่านั้น
(-14%) ซึ่งช่วงเวลาจากนี้ไปผมเชื่อว่าการลงทุนในหุ้นไทยคงจะไม่โดดเด่นอย่างที่เคยเป็น
สาเหตุนั้นคงต้องบอกว่าเป็นเรื่องของภาพเศรษฐกิจ คุณภาพของบริษัทจดทะเบียน
และราคาหุ้นที่ไม่ได้ถูก (คงจะมีโอกาสได้กล่าวรายละเอียดในโอกาสถัดไป)
อย่างไรก็ดี ผมคิดว่าสิ่งหนึ่งที่ทำให้การลงทุนในหุ้นยังเป็นที่สนใจอยู่ก็คือเรื่องของอัตราดอกเบี้ยทั่วโลกที่ต่ำมายาวนาน
และมีทีท่าว่าจะต่ำต่อไปอีกพักใหญ่ บ้านเราเองนั้นหากจำกันได้ช่วงก่อนวิกฤตปี 2540
เราเคยฝากธนาคารได้ดอกเบี้ยกัน
2 หลัก ซึ่งบางแห่งก็ให้ถึง 2 หลักปลายๆ สมัยนี้นะหรอ ได้ 1% ก็บุญโขละครับ
ดังนั้นการลงทุนในหุ้นไทยที่ให้อัตราเงินปันผลตอบแทนโดยรวมประมาณ 3% กว่าๆ ในปัจจุบันจึงนับว่าพอจะน่าสนใจอยู่บ้าง
เพียงแต่การจะคาดหวังผลตอบแทนจากส่วนต่างของราคาหุ้นสูงๆ
แบบเมื่อก่อนคงไม่ง่ายแล้วละครับ