Wednesday, May 21, 2014

ยกพลขึ้นบกฝนก็ต้กพร่ำพร่ำ

สวัสดีครับ,
เขียนเมื่อ 21 พฤษภาคม 2557

ช่วงนี้คงไม่มีข่าวใดฮอตฮิตไปกว่าการประกาศกฎอัยการศึกฉึกๆ ซึ่งสื่อฝรั่งบางเจ้าเค้าก็ว่าเป็นการทำรัฐประหารกลายๆ แต่เอาเข้าจริงก็ยังไม่แน่ดอกครับ เพราะรัฐบาลรักษาการณ์ก็ยังทำงานอยู่ ต้องรอดูตอนสุดท้ายว่าจะลงเอยเยี่ยงไร.. ส่วนหุ้นไทยเราก็เจ๋งกระต๊ากไปเลย ลงโป้งเดียวเมื่อวาน แล้วก็กลับมาเคาะประตู 1400 จุดได้อีกครั้งในวันนี้.. โช้ะเด๊ะ
   
ตั้งแต่ประเทศไทยมีการเปลี่ยนแปลงระบบการปกครองจากสมบูรณาญาสิทธิราชย์ (Absolute Monarchy) เป็นราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ (Constitutional Monarchy) เรามีการรัฐประหารทั้งหมด 11 ครั้ง (บางตำราว่า 12) มี 23 รัฐบาลทหาร และ 9 รัฐบาลที่ทหารเป็นคนแต่งตั้ง ซึ่งเป็นที่น่าสังเกตว่าทุกครั้งที่ทำการรัฐประหารสำเร็จฝ่ายที่ทำล้วนมาจากทหารบกทั้งสิ้น ส่วนทหารเรือเคยพยายามก่อรัฐประหารมาแล้ว (ในกรณีกบฏวังหลวง เมื่อปี พ.ศ. 2492 และกบฏแมนฮัตตัน เมื่อปี พ.ศ. 2494) แต่กระทำการไม่สำเร็จ ซึ่งหลังจากนั้น ทหารเรือก็เสียอำนาจในการเมืองไทยไป.. อ่ะโจ้ย


  
ว่าด้วยเรื่องประวัติศาสตร์ไปซักกะเล็กกะน้อย (รู้ไว้ใช่ว่าใส่บ่าแบกหาม) กลับมาที่ตัวเลขซื้อขายหุ้นไทยของฝรั่งซักกะหน่อย จะเห็นว่าในเดือนนี้ฝรั่งขายหุ้นไทยไปหมื่นกว่าล้านบาท (เป็นเมื่อวาน 20 พ.ค. ซะแปดพัน) ซึ่งทำให้หุ้นไทยลงมาราว 1.4% จากต้นเดือน และก็ทำให้คำกล่าวที่ว่า“ขายเดือนพฤษภาแล้วหนีไปก่อนเถอะนะจ๊ะ” (Sell in May and Go away) ยังไม่ผิด ณ ขณะนี้
  
แต่เดี๋ยวก่อน! มีคนขาย ก็ต้องมีคนซื้อซิครับ แล้วใครละ? กระต๊าก ใช่แล้ว นักลงทุนสถาบันในประเทศของเรานั่นกะเองที่ช่วยๆกันซื้อเข้าไปร่วมหมื่นล้านเมื่อนับจากต้นเดือน.. ซึ่งนั่นก็พอจะสะท้อนได้ว่านักลงทุนสถาบันในประเทศเริ่มเชื่อมั่นว่าการเมืองไทยใกล้จะจบ (จบป่ะ?) สถานการณ์คงจะเริ่มดีขึ้นกระมัง.. แล้วพวกคุณละ เหล่านักลงทุนขาโจ๋ 

เชื่ออย่างนั้นหรือเปล่า?

Wednesday, May 7, 2014

เปราะบาง

สวัสดีครับ, 
เขียนเมื่อ 7 พฤษภาคม 2557



วันนี้เป็นวันที่ 2 ของการซื้อ-ขาย mini SET50 Futures ซึ่งในความเห็นผมมองว่า การซื้อ-ขายมีลักษณะแปลกๆ อยู่บ้าง เช่น ช่อง bid-offer ในบางช่วงทิ้งห่างกันมาก (อาจเป็นเพราะเวลานักลงทุนสถาบันหรือรายใหญ่คีย์คำสั่ง market price ทำให้เกิดการรวบขึ้น หรือ เทกระจาดลง ได้ง่ายขึ้น เนื่องจากขนาดสัญญาเล็กลง 5 เท่า) โดยตัวอย่างที่เกิดขึ้นทันที ก็คือ เมื่อวานในช่วงก่อนตลาดปิด มีใครก็ไม่รู้คีย์คำสั่งซื้อ-ขายผิดทำให้สัญญา S50M14 ลงไป 30 กว่าจุด (ทำ low ที่ 913) ซึ่งที่ผ่านมา การคีย์ผิดพลาด ไม่น่าสามารถลากตลาดลงได้ขนาดนั้น นั่นหมายถึง ครั้งนี้มีคนตั้ง bid รองรับไว้ไม่เยอะเท่าที่ควร (ทั้งๆที่จริงๆควรเยอะกว่านี้เพราะขนาดสัญญาเล็กลง) สรุปเบื้องต้นได้ว่าตลาด TFEX ดูเหมือนจะมีความเปราะบาง (fragile) มากขึ้นครับ
  
ที่น่าสนใจก็คือ ในช่วงเวลาซื้อ-ขายปกติ นักลงทุนก็ไม่ได้ตั้ง bid หรือ offer เพิ่มขึ้น 5 เท่า หรือใกล้เคียง 5 เท่า เหมือนกับที่ตัวคูณของสัญญา (multiplier) ลดลงไป 5 เท่า (จาก 1000 เหลือ 200) ซึ่งตรงนี้ ก็นั่นละครับไปสนับสนุนข้อสรุปในเรื่องความเปราะบางของตลาด และนั่นก็มาสู่คำถามปิดท้ายที่ว่า การลดขนาดสัญญาลงช่วยให้สภาพคล่องในการซื้อ-ขายดีขึ้นหรือซื้อขายง่ายขึ้นจริงหรือ?
  
อย่างไรก็ดี ตรงนี้เป็นเพียงข้อสังเกตเบื้องต้นที่ผมพบเจอในช่วงแรกของการซื้อ-ขายครับ ซึ่งคงต้องจับตาต่อไปอีกซักระยะหนึ่ง.. แต่ก็ขอแนะนำให้นักลงทุนเพิ่มความระมัดระวังและรอบคอบให้มากขึ้นสำหรับการลงทุนใน miniSET50 Futures ในช่วงนี้ครับ 

Wednesday, April 23, 2014

ชินชาเซ็งเป็ด

สวัสดีครัช,
เขียนเมื่อ 23 เมษายน 2557
   
ห่างหายกันไปในช่วงสงกรานต์ เปิดมาตลาดก็ปรู๊ดๆ ขึ้นต่อเนื่องทำจุดสูงสุดใหม่ในรอบเกือบ 6 เดือน.. เป็นเพราะอะไร? ผมคิดว่าหลักๆเป็นเพราะนักลงทุนเริ่มหนืด ชินชา เซ็งเป็ด กับข่าวการเมืองในประเทศที่ยืดเยื้อมานานแสนนาน รวมถึงสิ่งที่แย่สุดๆ ก็อาจถูกคาดการณ์ไว้หมดแล้ว พอเป็นเช่นนี้ตรรกะมันก็กลายเป็นว่า “จะมีอะไรแย่ไปกว่านี้อีกละ?” หรือ พอถามว่ารัฐบาลจะตั้งได้เมื่อไหร่ปลายปีเลยมั้ย คนก็เริ่มชิลๆเฉยๆ “แล้วไงละ?” หรือเศรษฐกิจปีนี้จะเป็นอย่างไรนะ.. เราก็ตอบได้เลยว่า “ไม่ต้องสืบ” เพราะแทบทุกสำนักก็คาดการณ์ว่าจะโตได้กระจิ๊ดริดอยู่แล้ว หรือพูดอีกอย่างว่าทุกอย่างมัน in the price ไปเกือบหมดละ
  
ในแง่ผลประกอบการ กลุ่มธนาคารไทยที่เพิ่งประกาศผลประกอบการไตรมาสหนึ่งปีนี้ก็ถือว่าไม่ขี้เหร่มากหากมองในภาพรวม.. นักวิเคราะห์ของบัวหลวงของเราถึงเปรยๆว่ามีโอกาสที่กำไรของกลุ่มทั้งปีจะทำจุดสูงสุดใหม่เลยเชียวนะ! โดย ณ ตอนเนี้ย P/BV กลุ่มธนาคารเราซื้อขายกันที่ 1.35 เท่าซึ่งถูกกว่าค่าเฉลี่ยของภูมิภาคที่อยู่ที่ 1.5 เท่า.. เอาไงดีละๆ  


สุดท้ายแถมให้ครับ ลองไปดูงบดุลของธนาคารกลางสหรัฐฯ ตอนนี้จะเห็นว่าโอ้ว โอ้ว โอ้ว ทำไมมีสินทรัพย์มันเยอะขนาดนี้เกือบ 4 ล้านล้านดอลลาร์ฯเข้าไปแล้ว (แบงค์ชาติไทยประมาณ 4 ล้านล้านบาท) ซึ่ง Fed ก็บอกไว้ว่านี่คือ peak ละนะ มากกว่านี้ไม่ไหวแล้ว นั่นหมายถึงกระบวนการปล่อยของ รวมถึง tapering ก็จะต้องดำเนินต่อไปเรื่อยๆละ..อย่างไรก็ดี ข้อสรุปของผมก็คือ สุดท้ายแล้วราคาหุ้นในระยะยาวก็ขึ้นอยู่กับผลประกอบการของบริษัทนั้นๆนั่นละครับ เพียงแต่ระยะสั้นมันอาจถูกกระแทกด้วยข่าวโน้น ข่าวนี้ fund flows บ้างการเมืองบ้าง อะไรบ้าง.. บางทีเราก็ต้องอย่าได้แคร์มันครัช


Wednesday, April 2, 2014

Unstoppable Momentum

Hi,
Written on April 2, 2014

Four days in a row that foreign investors had been net buyers in Thai equities making the SET proliferate 27 points or 2% due to speculation over QE launching from the ECB. Even though the number came out as my expectations and that momentum could continue for a while, don’t be too complaisant as our fundamental still looks dry.

Grudgingly speaking, the ADB projected Thailand’s economic growth will be the second lowest among Asean members this year, after Brunei’s 1.1%. The political crisis is undoubtedly the No.1 risk for the country. The Constitutional Court’s ruling last month to nullify the inconclusive election on Feb 2 and call for a new poll WITHOUT providing a time frame increases uncertainty on whether a functioning government will be formed in the first half. Nonetheless, the bank said foreign investors in Thailand are not expected to flee, but prefer to hold off until the political situation eases before making additional investment.

 

In terms of fundamental, clearly the Thai economy is at risks of falling into recession for the first two quarters, yet not worrisome as it could rebound from Q3. Central bank governor Prasarn said, “We should not give much weight to the technical recession. It’s not a worry if it’s a case of unemployment remaining low and businesses continuing to run, as the economy in Q3 and Q4 could pick up.” He added the monetary policy easing could boost consumer and investment confidence, but its efficiency was constrained amid the current situation and would not solve the problem immediately.Remember on Mar 12, the MPC voted 4 to 3 to slash the policy rate by 25 bps to 2% to provide a buffer to downside risks to growth. I think it’s adequate for now given the +2.11%YoY Mar-inflation reported yesterday that causes the real interest rate to negative (-0.11%). Inflation is expected to rise to about 3% by end-2014 and average 2.5% for the whole year. Therefore, the MPC could maintain its rate at 2% at its April 23 meeting.

ประเทศที่งืดกว่าไทย

สวัสดีครับ,
เขียนเมื่อ 2 เมษายน 2557

สัปดาห์นี้ตลาดหุ้นไทยปู๊ดๆครับ ปู๊ดๆ .. ต้องบอกว่าพลังการเก็งกำไรในเรื่องของ QE Launching (ไม่ใช่ tapering นะครัช) จาก ECB เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้ตลาดหุ้นไทยขึ้นมาร่วม 30-40 จุดจากสัปดาห์ก่อน ยิ่งตัวเลขเงินเฟ้อล่าสุดของยูโรโซนที่เพิ่งประกาศออกมา +0.5% (ต่ำสุดในรอบ 4 ปี กว่า) ยิ่งเพิ่มความน่าจะเป็นว่า ECB ควรจะต้องทำอะไรซักอย่าง (ลุ้นวันพฤหัสนี้).. ฝรั่งเองก็ได้กลับมาซื้อหุ้นไทยช่วง 3-4 วันที่ผ่านมามูลค่าเกือบหมื่นล้านบาท.. มีเสียวครับ .. ใคร short futures ไว้มีเสียว
  
อย่างไรก็ดีในแง่พื้นฐานแล้ว ผมยังเชื่อว่าตลาดหุ้นไทยมิได้ถูก เศรษฐกิจไทยเองก็ยังเหี่ยวๆ ถึงกับมีบางค่ายประเมินว่าเศรษฐกิจไทยปีนี้จะโตได้เพียง 1% OMG!! .. อีกด้านหนึ่งธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย (ADB)  ก็ออกมาประกาศว่าเศรษฐกิจไทยปีนี้จะโตได้งืดเกือบสุดในอาเซียน โดยมีเพียงบรูไนเท่านั้นที่โตได้งืดกว่าเรา 


ทั้งนี้ ถึงหุ้นจะขึ้น แต่อย่าลืมพิจารณาด้วยนะครับว่า กำไรของบริษัทที่เราลงทุนขึ้นตามด้วยรึป่าว มิเช่นนั้น สุดท้ายจะโดนเจ้ามือตัวจริงของตลาดหุ้น ซึ่งก็คือกำไรของบริษัทจดทะเบียน หลอกเอาได้ .. ขอให้โชคดีครับ

Friday, March 28, 2014

Powerful Tool in ECB's Locker

Hi,
Written on Mar 28, 2014

As I said earlier, even though the SET’s upside has been capped by the prolonged domestic political dilemma, the downside seems protected by the likelihood that the ECB will resort to QE, possibly in its next monetary policy meeting due next week. It’s the only powerful tool left in the ECB’s locker and has the biggest impact I would say. The size could be in the range of 300-500 billion euros ($415-690 billion). The reason I think they has not launched it before is because there are no common euro zone bonds and the process of picking which country to purchase is fraught with political peril. Now, the situation has changed, with many economists also expecting the central bank to announce the program from this summer onwards in order to meet its primary objective of maintaining price stability(First ignited when Oct’s data showed inflation had fallen to a 47-month low of 0.7%. The ECB cut interest rates at its Nov meeting in response. Inflation data for Feb was revised down from 0.8% to this rate-cut level.)


Politics --
The Democrat’s two-day annual general assembly, which begins today, is expected to reach one of these three positions on the new election. First, the party could decide to contest the fresh poll. Second, the party could remain non-committal over the issue, implying it will run in the fresh poll only after the poll has been accepted and peace restored. Third, the party could announce a boycott till supporters of the so-called Thaksin regime – a reference to the influence of ousted PM Thaksin on Thai politics – promise to stay out of politics.

For now, I feel the Democrats will not join a fresh election, as you can see from PDRC leader Suthep’s speech insisting that a general election must not happen until national reform is implemented. However, say if I’m wrong and the Democrats rush their return to the election race, they are unlikely to win votes from PDRC supporters anyway meaning the party might not win the new poll. Then, the Pheu Thai Party will win and seize power again. Or if the Democrats decide to boycott the election as expected, this would heat up political tensions again. To sum, in any way, the problems will remain. It's a perpetual cycle and I think sometimes you may not need to fret about it.

Wednesday, March 26, 2014

ต่างกรรมต่างวาระ

สวัสดีครับ,
เขียนเมื่อ 26 มีนาคม 2557

ตลาดในสัปดาห์นี้ต้องถือว่ายังแข็งแกร่ง แม้ว่าจะมีเหี่ยวลงมาบ้างจากจุดสูงสุดเมื่อสัปดาห์ก่อนที่ 1381.21 การเมืองยังคงเป็นประเด็นครับ อย่างที่เคยเป็นเสมอมา และมันก็ส่งผลกระทบต่อกำไรของบริษัทจดทะเบียน (เจ้ามือที่แท้จริงของตลาดหุ้น) ในบางกลุ่มอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้... ล่าสุดทางฝ่ายวิจัยสถาบันของหลักทรัพย์บัวหลวงได้ออกบทสรุปตลาดหุ้นไทยไว้ 3 เคส ซึ่งมีเป้าหมายดัชนีต่างกรรมต่างวาระที่ 1650 (Bull case) 1433 (Base case) และ 1115-1164 (Bear case)



ที่ต้องจับตาและน่าสนใจมากไปกว่านั้นก็คือ การออกมาประกาศของผู้นำหญิงคนใหม่ของธนาคารกลางสหรัฐฯ เมื่อปลายสัปดาห์ก่อน ที่บอกว่าอาจมีการขึ้นอัตราดอกเบี้ย (Fed fund rate) เร็วกว่าคาดหากเศรษฐกิจฟื้นตัวได้ดี โดยอาจจะเป็นช่วงกลางปีหน้า ตรงนี้บ่องเลยว่าผลกระทบคงหนักครับ หนักว่าการถอน QE เสียอีก เพราะนั้นหมายถึงต้นทุนการเงินที่เพิ่มขึ้น และสภาพคล่องส่วนเกิน (Excess liquidity) ที่ลอยละลิ่วอยู่ในตลาดเกิดใหม่มาช้านาน ก็จะถูกดึงกลับอย่างทันที

อย่างไรก็ดี อันนั้นเป็นภาพระยะกลางครับ ยังมีเวลาให้เตรียมตัว ไม่ต้องตกใจ ส่วนระยะสั้นนี้มีข่าวดีที่ว่าธนาคารกลางของยุโรป (ECB) อาจจะมีมาตรการกระตุ้นอัดฉีด(ปู๊ดๆ)ครั้งใหม่ ธนาคารกลางจีน (PBOC) ที่อาจลด Reserve requirement ratio (RRR) ลงมา (เพิ่มสภาพคล่อง) เนื่องจากตัวเลขกิจกรรมการผลิตเดือนนี้ของเค้าที่น่าผิดหวัง และพลัง Window dressing สิ้นไตรมาสของกองทุนในบ้านเรา.. ทั้งหมดนี้น่าจะเป็นข่าวดีระยะสั้นที่ช่วยพยุงตลาดหุ้นไทยให้ยืนเหนียวแน่นอยู่ได้ไปอีกซักพักกระมังครับ 

Thursday, March 20, 2014

Meaningful Words

Good morning,
 Written on Mar 20, 2014

You all know what Yellen last night has signaled global financial markets. To me, only three words that are so meaningful: “around six months.”  

Yes, the $10 billion reduction has come as expected, bringing the monthly bond purchases to $55 billion a month starting April. The Fed has said it would continue to taper by $10 billion a month unless its outlook for the economy changed substantially. So, it means the taper is on course to end in Oct or Nov this year. The point is six months after that (April or May 2015), the first rate hike could come, and that would mean excess liquidity across the globe, especially in emerging markets, will be repatriated to the US. Earlier, the market had been expecting the first rate hike to come toward the end of 2015, perhaps in Oct or Dec. This is the key from the FOMC meeting this time. Be prepared.

Politics -- Ruling this Friday
The Constitutional Court will judge tomorrow whether the 2 Feb poll is illegitimate. I think there are three scenarios which have different impact on stocks. First, the court nullifies the Feb 2 election and paves the way for a non-elected government (negative). Second, the court annuls the Feb 2 election, and then the Election Commission sets the new election date with the Democrat party participating (positive). Third, the court rules the Feb 2 election constitutional, and the Election Commission goes ahead with elections in the rest 28 constituencies where there were no candidates (neutral).

Mkt Strategy -- Which cases will you choose?
Our base-case target PER peg for YE14 is 14x (2014E), implying a SET level of 1433, which is 0.5SD above the SET’s long-term mean of 12x. EPS forecast is 102 which is 3.1% below the consensus number. The GDP projection for this year is 2.9%, assuming that the political problems end by mid-year.

Under our bear-case scenario, 2014 GDP could fall to 2% and EPS could be slashed to 97. Failure to resolve ongoing political problems and weaker global growth momentum could lead to this case. The market PER could be pushed down to 11.5-12x, implying a SET level of 1115-1164.

Under our bull-case scenario, we see only limited upside to GDP (3.5%) and EPS (108), as the macro drivers would engage in 2H14 rather than early in the year. The SET PER, however, could rise to 15x toward year-end (implying a minimum index of 1650) on expectations of even stronger prospects for 2015.



Wednesday, March 12, 2014

สัญญาณปิ๊ปๆ

สวัสดีครับ,
เขียนเมื่อ 12 มีนาคม 2557


ตลาดหุ้นไทยช่วงนี้ต้องขอใช้คำว่า ขะ ...แข็งแกร่ง อาจเป็นเพราะตั้งแต่วันที่ 28 กุมภาพันธ์ เป็นต้นมา ฝรั่งได้กลับมาซื้อสะสมหุ้นไทยซึ่งนับจนถึงปัจจุบัน (11 มี.ค.) เป็นมูลค่ากว่า 6000 ล้านบาทแล้ว.. แต่กระนั้นก็ตามบริษัทฝรั่งยักษ์ใหญ่ของโลกอย่าง Morgan Stanley กลับออกเปเปอร์สะท้านปฐพี -- เชือดน้ำหนักการลงทุนในไทยลงเป็นต่ำกว่าตลาดครับ (Underweight) เหตุผลก็คือ..

       1.  อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจไทยห่อเหี่ยว
       2.  ความเสี่ยงด้านการเมืองสูงขึ้น รวมถึงคะแนนด้านการกำกับดูแลกิจการ (Corporate Governance) ลดลง
       3.  ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนไทยผิดคาดมากๆ (มากกว่า 60% ที่รายงานกำไร 4Q13 ต่ำกว่าคาด) โดยเฉพาะกลุ่มพลังงาน
       4.  มูลค่าพื้นฐานเช่น PE หรือ PB ยังสูงกว่าค่าเฉลี่ย 10 ปี
       5.  เครื่องมือทางเทคนิคที่ส่งสัญญาณขายมากเกินไป (oversold) มีจำนวนน้อยลงมากเมื่อเทียบกับ 2 เดือนก่อน (แปลว่าหุ้นได้ปรับขึ้นมาพอสมควรแล้ว)
  
ปัจจัยทั้ง 5 ข้อนี้ ส่งผลให้ quant model ของ Morgan Stanley ส่งสัญญาณปิ๊ปๆ ปรับน้ำหนักตลาดหุ้นไทยจาก ลงทุนเท่ากับตลาด (Equal weight) เป็น ต่ำกว่าตลาด (Underweight) ทันที
  
และล่าสุด สดๆ ร้อนๆ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (Monetary Policy Committee) ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% เหลือ 2%โดยประเมินว่าเศรษฐกิจไทยมีความเสี่ยงมากขึ้น และคาดการณ์ว่า GDP ปีนี้จะขยายตัวต่ำกว่า 3% จากปัญหาการเมืองในประเทศที่ยืดเยื้อ ... stay calm, stay invested นะครับ

Wednesday, February 26, 2014

ไม่ผิดใช่ไหม?

สวัสดีครับ,
เขียนเมื่อ 26 กุมภาพันธ์ 2557

ช่วงนี้ใครมานั่งทำนายตลาดก็คงเหนื่อยอยู่ซักหน่อย บ้างก็ว่า SET Index ทะลุแนวต้านสำคัญและได้เปลี่ยนแนวโน้มเป็นขาขึ้นไปแล้ว บอกอย่างนี้ตั้งแต่สัปดาห์ก่อนแต่ไหงก็ลงพรวดจาก 1330 มาไต่อยู่แถว 1300 ซะงั้น... บ้างก็ว่าตลาดเราขึ้นไม่ได้ดอก ก็แหมเล่นมีข่าวตูมตามรายวันขนาดนั้น มันต้องลง ลง ลง ซิ แต่ไหงแช่งให้ลงยังไงก็ยังเกาะๆอยู่แถว 1300 แน่นเหนียวหยั่งกับเตมังตังเม

เอายังไง?

อย่าหาว่าผมโง้นงี้เลยครับ ขนาดทีม US Equity Strategy ของ Morgan Stanley เองยังออก research ฉบับล่าสุดเมื่อวันจันทร์แนวตัดพ้อว่าเมื่อปี 2011 เค้าคอลตลาดไม่ค่อยดี ซึ่งถูก; ปี 2012เค้าคอลตลาดไม่ค่อยดีอีกเช่นกัน แต่ผิด; ปี 2013เค้าคอลตลาดดี ซึ่งกลับมาถูกใหม่; ส่วนปีนี้ 2014 เค้าคอลตลาดดี... แล้วมันจะผิดไหม?

คือเค้ากำลังสงสัยว่ามันอาจจะเป็นรูปแบบ 2x2 grid นะครับ หมายถึง ถูกปี ผิดปี ถูกปี แล้วอาจจะกลับมาผิด? ซึ่งนั่นก็หมายถึงในปี 2014 นี้ (ถ้าเค้าคอลผิด) ตลาดคงจะไม่ค่อยดีทั้งปี (Bearish) เป็นแน่แท้

เห็นไหมครับ ขนาดผู้เชี่ยวชาญระดับโลกให้เค้ามาทำนายทิศทางตลาดโอกาสถูกยังมีเพียง 50% เพราะฉะนั้นผมจึงมิอาจเอื้อมไปทำนายแข่งกับเขาได้ (เพราะทายไปโอกาสถูกก็อาจน้อยกว่า 50% และอาจต้องไปหาหมอเย็บหน้าแตก) สิ่งที่ผมพอจะทำได้ก็คือ นำเสนอข้อมูลจากแหล่งที่เชื่อถือได้พร้อมใส่ความเห็นประกอบประปรายด้วยเหตุผล ซึ่งความเห็นของผมก็คือ ที่ตลาดไทยยังไม่ลงช่วงนี้น่าจะเป็นเพราะฤดูกาลประกาศผลประกอบการและเทศกาลปันผลยังไม่จบนักลงทุนคงจะยังถือหุ้นเพื่อลุ้นเสียวกันอยู่  

ว่าแล้วก็ขอนำเสนอ Snapshot ประเทศไทย เป็นการปิดท้ายบทความสัปดาห์นี้ ลองอ่านกันดูเล่นๆครับ