Wednesday, September 5, 2012

หน้าผาทางการคลัง.. อุ้ย! หนูจะตกมั้ยเนี่ย.. กรี๊ดดด!?

พี่นักค้าขาหน้าผาทางการคลัง (Fiscal Cliff) หมายถึงอะไรหรอ.. หนูได้ยินคนเค้าพูดถึงบ๊อยบ่อย?” สาวนักลงทุนนัยน์ตาคมร่างจิ้มลิ้มกระซิบถามผม เมื่อน้องขอมา มีหรือ พี่จะอยู่เฉย.. จัดไป ชุดใหญ่!!
เขียนเมื่อ 5 กันยายน 2555



Fiscal Cliff
: คุ้นหูกันบ้างไหมกับศัพท์คำนี้ ถ้ายังผมบอกได้เลยครับว่า.. คุณจะคุยกับเค้า.. คุณจะคุยกับเค้า.. คุณจะคุยกับเค้า... รู้เรื่องถ้าคุณอ่านบทความของผมวันนี้จนจบ (- -) จุดเริ่มต้นของ Fiscal Cliff มาจากอะไร? วัยรุ่นชาวไทยพร้อมมั้ย.. ไปครับ! จุดเริ่มมาจากประธานธนาคารกลางสหรัฐ Ben Bernanke.. ท่านตั้งชื่อนี้ขึ้นเพื่อใช้เรียกสถานการณ์หัวเลี้ยวหัวต่อของเศรษฐกิจสหรัฐในช่วงสิ้นปีนี้.. เพราะเป็นห้วงเวลาที่มีเหตุการณ์สำคัญหลายเหตุการณ์ที่จะส่งผลกระทบต่อฐานะทางการคลังของสหรัฐ.. ซึ่งหากมีการดำเนินการที่ผิดพลาด เศรษฐกิจสหรัฐอาจถึงกับตกหน้าผา (Cliff) ได้เลยทีเดียวเพราะอะไร? มาแลดูกัน
ประเด็นหลักๆที่นักลงทุนทั่วโลกเป็นกังวล มีอยู่ 2 เรื่องครับ 1. เรื่องการสิ้นสุดมาตรการลดหย่อนภาษี ซึ่งประกอบไปด้วย มาตรการลดหย่อนภาษีเงินได้ทั่วโลกสำหรับคู่สมรส, มาตรการยกเลิกภาษีมรดก, และมาตรการผ่อนปรนภาษี 2% ที่เก็บจากรายได้ของผู้มีเงินเดือน มาตรการเหล่านี้ถูกนำมาใช้ตั้งแต่ปี 2546 ในสมัยประธานาธิบดี George W. Bush… เพื่อให้ประชาชนมีรายได้คงเหลือเพิ่มขึ้น จะได้ใช้จ่ายและบริโภคในประเทศมากขึ้น.. เป็นการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจไปอีกทาง 2. เรื่องการบังคับใช้มาตรการปรับลดงบประมาณรายจ่ายของภาครัฐ ที่จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 2 ม.ค. 2556 นี้คืองี้ครับ เมื่อปีที่ผ่านมาอเมริกามีปัญหาภาระหนี้เพิ่มขึ้นจนใกล้ถึงเพดานหนี้ (วงเงินสูงสุดที่รัฐบาลสามารถกู้ได้) ทำให้ต้องมีการปรับเพิ่มเพดานหนี้สาธารณะขึ้น เพื่อรองรับหนี้ดังกล่าวโดยเงื่อนไขหนึ่งที่รัฐบาลต้องปฏิบัติคือ การปรับลดรายจ่ายภาครัฐ หรือการขาดดุลของรัฐบาล.. ซึ่งถ้าหากลดไม่ถึงเป้า ก็จะมีการปรับลดแบบอัตโนมัติ (Sequestration) ทันที.. ตรงนี้น่าห่วงครับ.. เพราะจะทำให้รัฐบาลมีเงินใช้จ่ายในการกระตุ้นเศรษฐกิจน้อยลง.. นอกจากนี้ ยังมีเรื่องมาตรการลดสวัสดิการแก่ผู้ว่างงาน ที่ช่วยลดรายจ่ายภาครัฐอยู่.. ก็กำลังจะหมดอายุลงในปี 2556 เช่นกัน
ทั้งหมดนี้เลยเป็นที่มาของคำถามครับว่า เมื่อมาตรการภาษีเพื่อช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจสหรัฐหมดลง, งบประมาณรายจ่ายภาครัฐที่ต้องถูกปรับลด พร้อมกับภาระด้านสวัสดิการที่เพิ่มขึ้นของรัฐบาล.. เศรษฐกิจสหรัฐที่ยังคงเปราะบางจะดำเนินไปในทิศทางใด... มีการคาดการณ์กันว่า หาก Fiscal Cliff เกิดแบบจัดเต็ม จะทำให้อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของอเมริกาในปีหน้าหดตัวลงถึง 1% และอัตราว่างงานจะเพิ่มขึ้นเป็น 10% (จากปัจจุบันที่ 8.3%) ซึ่งตรงนี้.. แน่นอนครับว่า อาจส่งผลให้อเมริกาถูกปรับลดอันดับเครดิตลงอีกครั้ง.. (หลังจากที่การปรับลดครั้งที่แล้วก็มีสาเหตุมาจากปัญหาเรื่องหนี้สาธารณะ, การขาดดุลงบประมาณ, และกระบวนการกำหนดนโยบายที่อ่อนแอ) นอกจากนี้ อเมริกาก็กำลังเดินเข้าสู่ช่วงสุญญากาศทางการเมือง.. เพราะการเลือกตั้งใหม่ที่จะเกิดขึ้นในอีก 2 เดือนข้างหน้า จะมีผลกระทบต่อความต่อเนื่องของการดำเนินนโยบายทางเศรษฐกิจของประเทศอย่างมีนัยสำคัญ.. เนื่องจากพรรคการเมืองทั้งสอง (Democrat และ Republican) ต่างก็มีนโยบายทางการคลังที่แตกต่างกัน (- -)
ผลกระทบ: เบื้องต้นกูรูเค้าก็คาดกันครับว่า.. ภาคธุรกิจไทยที่มีการส่งออกไปยังสหรัฐคงไม่แคล้วที่จะชะลอตัวลง.. แต่ข้อดีก็คือ อาจมีเม็ดเงินไหลออกจากตลาดพันธบัตรสหรัฐ รวมถึงสินทรัพย์ประเภทอื่นๆ เข้าสู่ตลาดเกิดใหม่ (รวมทั้งไทย) มากขึ้น.. ค่าเงินบาทก็อาจแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐ (ผู้ส่งออกควรเตรียมรับมือ).. อย่างไรก็ดีผมยังเชื่อนะว่า.. ท้ายที่สุด รัฐบาลชุดใหม่ต้องทำทุกวิถีทางเพื่อให้เศรษฐกิจสหรัฐดำเนินต่อไปได้ แม้อาจมีล้มลุกคลุกคลานระหว่างทางบ้างดังนั้นผมในฐานะนักค้า จนกว่าจะเห็นความชัดเจนทางมาตรการการคลังของสหรัฐ ก็ต้องเตรียมกลยุทธ์ไว้รับมือไม่ว่าผลลัพธ์จะออกมาเช่นไร.. แล้วคุณละ เตรียมรึยัง?

No comments:

Post a Comment