Wednesday, October 10, 2012

ข้างใต้ภาพ

สวัสดีครับ,,,
เขียนเมื่อ 10 ตุลาคม 2555





สัปดาห์นี้ขอเปลี่ยนแนวซักเล็กน้อย (-3-) โดยนักค้าจะนำภาพ 3 ภาพที่เกี่ยวกับประเด็นทางเศรษฐกิจมาให้ชมกัน.. ซึ่งกระผมจะลองเชื่อมโยงภาพเหล่านั้น ด้วยคำอธิบายง่ายๆ ใต้ภาพ.. มาดูกันครับ


ภาพที่ 1: ภาพคู่ดูโอ้นี้เป็นการเปรียบเทียบให้เห็นครับว่า.. หากสมมติให้ GDP บ้านเราช่วงก่อนน้ำท่วมเมื่อปีที่แล้วคิดเป็นดัชนีที่ 100.. ณ ปัจจุบัน ดัชนีนี้ขึ้นมาที่ 102.5 แล้วครับ.. นั่นหมายความว่า เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวขึ้นมาดีกว่าช่วงก่อนเหตุการณ์น้ำท่วมเมื่อปีที่แล้ว 2.5% นะ.. เอ๊ะ! แล้วขึ้นมาได้เพราะอะไรละ? ลองเหลือบไปดูกราฟด้านขวาครับ.. จะเห็นว่าปัจจัยที่ขับเคลื่อนหลักก็คือ ภาคเอกชน.. ทั้งการบริโภคและทางลงทุน (โดยเฉพาะเรื่องการซ่อมแซมความเสียหายจากเหตุการณ์น้ำท่วม) กราฟเส้นมันล้อกันไป.. แต่ หลังจากนี้ภาพนี้อาจจะเปลี่ยนไปครับ.. ความร้อนแรงของภาคเอกชนจะลดลง โดยการลงทุนของภาครัฐจะขึ้นมาเป็นพระเอกแทน (ในโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ).. ซึ่งถามว่าดีมั้ย ตอบคร่าวๆก็ว่าดีนะ.. ผลพลอยได้มีหลายทอด ทำให้เกิดจากจ้างงานเพิ่มขึ้นด้วย.. แต่หากถามว่าเศรษฐกิจเราจะโตได้มากมั้ย ผมก็ว่าอาจจะไปแบบชิลๆไม่หวือหวา.. เพราะฐานที่ให้เปรียบเทียบมันถูกยกสูงขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากช่วงที่ผ่านมาเศรษฐกิจเราฟื้นตัวเร็วมาก (แบบ V-shaped) อีกทั้งการส่งออกที่เป็นอีกปัจจัยหลักก็ดูไม่ค่อยสดใสนัก
  
ภาพที่ 2: ภาพนี้ตีความไม่ยากครับ.. จะเห็นว่าในช่วง 10 กว่าปีที่ผ่านมา ดัชนีตลาดหุ้นไทยมักเคลื่อนตัวอยู่ใต้หรือล้อไปกับอัตราการขยายตัวทาง เศรษฐกิจ (Real GDP growth) มาตลอด.. มีช่วง 1-2 ปีหลัง ที่ SET index พุ่งแบบไม่แคร์ ทั้งๆที่บางช่วง GDP growth ติดลบ (- -) ตรงนี้สะท้อนอะไร? บ้างก็ว่าสภาพคล่องมันล้นโลก.. บ้างก็ว่าเศรษฐกิจภูมิภาคเรามันแจ่มจะแดมแจ่มว้าว บริษัทจดทะเบียนไทยผลประกอบการดีมากๆ.. บ้างก็ว่าสินทรัพย์อื่นผลตอบแทนบ่มิไก๊ หุ้นเลยเป็นดาวเด่น.. หรือบ้างก็ว่านิเป็นสัญญาณเตือนอะไรบางอย่าง.. ก็ลองคิดดูครับ :3


ภาพที่ 3: ภาพนี้ผมชอบมากๆ.. เพราะทำให้เราเห็นภาพทั่วโลกชัดขึ้น.. ลองดูครับว่านักวิเคราะห์เค้าประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจของแต่ละประเทศเป็น อย่างไร.. ใครเป็นดาวเด่น ใครเป็นดาวดับ?.. เอ แล้วไทยเราอยู่ตรงไหนน้า?
  
สรุป: ผมนำ 3 ภาพนี้มาให้ดูสนุกๆครับ ไม่ต้องคิดอะไรมาก.. (หรือจะคิดก็ไม่ห้ามนะ อิอิ) เพราะคงเป็นการยาก หากจะให้ฟันธงโช้ะๆ ว่าทิศทางตลาดหุ้นจากนี้จะเป็นเช่นไร.. แต่สิ่งหนึ่งที่ผมตระหนักและระลึกอยู่เสมอนั่นคือ ในวงการนี้.. เหตุผลมักจะมาหลังสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วเสมอ (ลองนึกดูครับ).. ซึ่งหากตลาดหุ้นไทยยังสามารถซิกแซกขึ้นได้ต่อ (ดีนะ) ก็เชื่อว่าเป็นเพราะแรงเก็งกำไรจากกระแสเงินทุน (ไม่ว่าจากทั้งต่างชาติหรือขาใหญ่ที่ไหน) มากกว่าปัจจัยพื้นฐานจริง.. แต่หากตลาดจะปรับลง.. หุ้นพื้นฐานดีแค่ไหนมันก็ลงได้ครับ เพราะกระแสเงินจะถูกดึงกลับเพื่อไปฟื้นฟูประเทศที่มีปัญหา --โชคดีนะ--

No comments:

Post a Comment