แม้ตลาดหุ้นจะปิด! แต่นักค้าหน้าหยกยังมาพบกับ
หากพูดถึงรางวัลก้องโลกที่ผู้ใดได้รับนับเป็นเกียรติยศ สูงสุดของชีวิต หนึ่งในนั้นย่อมมีชื่อ "รางวัลโนเบล" อยู่เป็นแน่ครับ.. นอกจากใบประกาศเกียรติคุณแล้ว ผู้รับยังได้เงินมูลค่า 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐอีกด้วย.. ซึ่งทุกปีจะมีผู้ได้รับรางวัลรวม 5 สาขาด้วยกัน (ฟิสิกส์ เคมี การแพทย์ วรรณกรรม และสันติภาพ) นั่นหมายถึงกองทุนที่ตั้งโด ยหนุ่มโสดนามว่า Alfred Nobel จะต้องจ่ายเงินถึงปีละ 5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ.. โอวว.. เค้าเอาเงินมาจากไหน? มีวิธีบริหารเงินอย่างไร?
นักค้าสรุปให้ฟังสั้นๆแบบนี้ครับ.. ในช่วงแรกของการตั้งกองทุนเ มื่อปีพ.ศ. 2439 กองทุนมีเงินตั้งต้นจากนายโ นเบล 9,800,000 $ นิละ.. แน่นอนต้องมีการลงทุนเพื่อใ ห้เงินออกดอกออกผล เพื่อจ่ายค่าใช้จ่ายต่างๆรว มถึงเงินรางวัล.. แต่เนื่องจากกองทุนนี้นำเงิ นไปลงทุนในพันธบัตร ฝากธนาคาร เกือบทั้งหมด.. เพราะนโยบายกองทุนคือ ไม่เน้นเสี่ยง.. ขอเซฟๆไว้ก่อน.. พอนานเข้า เงินกองทุนก็ลดลงเรื่อยๆ.. เรื่อยๆ.. จนคณะกรรมการคิดว่าต้องทำอะ ไรซักอย่าง ไม่งั้นแย่แน่! "จริงๆแล้วการไม่เสี่ยง คือการเสี่ยงที่สุดรึป่าวนะ ?" คณะกรรมการท่านนึงคิด.. "อย่ากระนั้นเลย.. ลองเปลี่ยนมาลงในหุ้นและอสั งหาริมทรัพย์เป็นหลักดูดีกว่า" หลังจากนั้นไม่น่าเชื่อครับ .. เงินกองทุนที่ลดลงเหลือ 3 ล้าน $.. เพิ่มมาเป็น 270 ล้าน $ ในอีก 40 ปีถัดมา (ในปี 2536) เพราะเพียงแก้ไขกฎข้อบังคับ กองทุนเมื่อปี 2496 เท่านั้น.. กระต๊าก!?
ตรงนี้สอนอะไร? แน่นอนครับการลงทุนมีความเสี่ยง.. แต่ความเสี่ยงนั้นถูกจำกัดไ ด้ด้วยความรู้ที่เราศึกษา.. การลงทุนในพันธบัตรหรือฝากธ นาคารนั้นไม่ผิด.. แต่มันลิมิตผลตอบแทนที่เราค วรได้รับ.. ซึ่งเพียงแค่ปรับแนวคิดการล งทุน อะไรๆมันก็เปลี่ยน ดังเช่น กองทุนรางวัลโนเบล.. ที่เปลี่ยนนโยบายการลงทุน ทำให้จากที่ต้องเกือบปิดกอง ทุน มาเป็นอยู่รอดได้จนถึงทุกวั นนี้ :)
ตรงนี้สอนอะไร? แน่นอนครับการลงทุนมีความเสี่ยง.. แต่ความเสี่ยงนั้นถูกจำกัดไ
No comments:
Post a Comment