เขียนเมื่อ 13 กุมภาพันธ์ 2556
สัปดาห์ที่แล้วพร่ำพรรณาไปว่าคีย์ order
SET50 futures 4 หลัก (หลักพัน) ช่างปวดสายตาเสียนิกระไร.. ไม่ทันไร! เหมือนมีเจ้าไม้เจ้ามือท่านได้ยินครับ ช่วยบันดาลให้ลงมาเหลือ 3 หลัก (หลักร้อย) ในบัดดล อิอิ.. สถานการณ์จากนี้ไปจนถึงกลางสัปดาห์หน้า
ความผันผวนจะยิ่งทวีคูณครับ.. เพราะยิ่งเข้าใกล้วันเชงเม้ง เอ้ย
วันประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (Monetary Policy Committee) ในวันที่ 20
ก.พ. ศกนี้.. พี่น้องครับ! ลด/ไม่ลดดอกเบี้ยดีครับ?
ลดดอกเบี้ยดีอย่างไร (มุมมองฝั่งรัฐบาล)
เนื่องจากดอกเบี้ยนโยบายของไทยในขณะนี้ที่ 2.75% อยู่สูงกว่าหลายประเทศในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว (เช่น ยุโรป + อเมริกา + ญี่ปุ่น) โดยเฉพาะอเมริกาที่ผมขอขนานนามว่า “เจ้าแห่งนักอัดฉีดสภาพคล่อง” ที่พิมพ์เงินจำนวนมหาศาลทุกเดือนแถมอัตราดอกเบี้ยนโยบายของเค้า (Fed Fund Rate) ยังอยู่ต่ำเตี้ยติดพสุธาที่ 0.25%.. ทำให้ฝรั่งขนเงินหรือกู้เงินจากประเทศที่ดอกเบี้ยต่ำๆ เช่นนี้ (Carry Trade) มาลงทุนในประเทศที่ดอกเบี้ยสูงกว่าเช่นไทย (+ +) จึงทำให้ค่าเงินบาทแข็งกระโป๊กขึ้นมาทันตา.. ไงละ ผู้ส่งออกเดือดร้อนสิคร้าบ โดยเฉพาะธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก (SME).. ดังนั้นหากมีการลดดอกเบี้ยจะช่วยชะลอการไหลเข้าของเงินทุน ซึ่งค่าเงินบาทอาจจะกลับมาอ่อนค่าในระยะสั้นได้อีกครั้ง แฮ่ๆ
เนื่องจากดอกเบี้ยนโยบายของไทยในขณะนี้ที่ 2.75% อยู่สูงกว่าหลายประเทศในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว (เช่น ยุโรป + อเมริกา + ญี่ปุ่น) โดยเฉพาะอเมริกาที่ผมขอขนานนามว่า “เจ้าแห่งนักอัดฉีดสภาพคล่อง” ที่พิมพ์เงินจำนวนมหาศาลทุกเดือนแถมอัตราดอกเบี้ยนโยบายของเค้า (Fed Fund Rate) ยังอยู่ต่ำเตี้ยติดพสุธาที่ 0.25%.. ทำให้ฝรั่งขนเงินหรือกู้เงินจากประเทศที่ดอกเบี้ยต่ำๆ เช่นนี้ (Carry Trade) มาลงทุนในประเทศที่ดอกเบี้ยสูงกว่าเช่นไทย (+ +) จึงทำให้ค่าเงินบาทแข็งกระโป๊กขึ้นมาทันตา.. ไงละ ผู้ส่งออกเดือดร้อนสิคร้าบ โดยเฉพาะธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก (SME).. ดังนั้นหากมีการลดดอกเบี้ยจะช่วยชะลอการไหลเข้าของเงินทุน ซึ่งค่าเงินบาทอาจจะกลับมาอ่อนค่าในระยะสั้นได้อีกครั้ง แฮ่ๆ
ไม่ลดดอกเบี้ยดีกว่าไหม (มุมมองฝั่งแบงค์ชาติ)
ผู้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทยมองว่าอัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่าเป็นเพียงปัจจัยหนึ่งเท่านั้นที่ทำให้เกิดเงินทุนไหลเข้า.. ท่านให้เหตุผลว่าในสถานการณ์ที่เงินเฟ้อมีแนวโน้มสูงขึ้น (เพราะผลจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆของรัฐบาล เช่น ค่าแรง 300 บาท ทำให้ราคาสินค้าแพงขึ้น) แต่ไปลดดอกเบี้ยลง (ทำให้ดอกเบี้ยที่แท้จริงติดลบมากขึ้น) อาจทำให้เกิดปัญหาต่อระบบเศรษฐกิจในระยะยาวได้.. เพราะเมื่อดอกเบี้ยต่ำ จะทำให้คนรู้สึกไม่อยากฝากเงินกับธนาคารแต่อยากขนเงินมาลงทุนในตลาดหุ้นหรืออสังหาริมทรัพย์มากขึ้น.. อีกทั้งเป็นการกระตุ้นการกู้ยืม ซึ่งอาจก่อให้เกิดปัญหาฟองสบู่ตามมาได้
ผู้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทยมองว่าอัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่าเป็นเพียงปัจจัยหนึ่งเท่านั้นที่ทำให้เกิดเงินทุนไหลเข้า.. ท่านให้เหตุผลว่าในสถานการณ์ที่เงินเฟ้อมีแนวโน้มสูงขึ้น (เพราะผลจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆของรัฐบาล เช่น ค่าแรง 300 บาท ทำให้ราคาสินค้าแพงขึ้น) แต่ไปลดดอกเบี้ยลง (ทำให้ดอกเบี้ยที่แท้จริงติดลบมากขึ้น) อาจทำให้เกิดปัญหาต่อระบบเศรษฐกิจในระยะยาวได้.. เพราะเมื่อดอกเบี้ยต่ำ จะทำให้คนรู้สึกไม่อยากฝากเงินกับธนาคารแต่อยากขนเงินมาลงทุนในตลาดหุ้นหรืออสังหาริมทรัพย์มากขึ้น.. อีกทั้งเป็นการกระตุ้นการกู้ยืม ซึ่งอาจก่อให้เกิดปัญหาฟองสบู่ตามมาได้
ข้อสรุปผมขอไม่สรุปละกันว่าวิธีไหนดีกว่าเพราะเป็นการคิดทางเศรษฐศาสตร์และอยู่เหนือความสามารถผมขึ้นไปยิ่งนัก..
แต่หากมีการลดดอกเบี้ยเกิดขึ้น ตรงนี้อย่างที่บอก.. ตลาดหุ้นจะกลับมากระชุ่มกระชวยยิ่งขึ้นไปอีก..
หุ้นใหญ่ๆที่แผ่วเบา อาจจะกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง
รวมถึงกลุ่มอสังหาที่น่าจะมีโมเมนตัมให้เล่นไปได้ต่อ
อีกทั้งค่าเงินบาทก็จะกลับมาอ่อนค่าในระยะสั้น.. แต่หากไม่ลด ก็ไม่มีอะไร
ชิลๆต่อไป