สวัสดีครับ,
จนถึงช่วงเช้าของวันที่ 18 พ.ค. 59
ผลตอบแทนตลาดหุ้นเดือนนี้ยังเป็นบวกอยู่เล็กน้อยครับที่ +0.14% เหมือนกับว่าวลีเด็ด
Sell in May and Go Away จะไม่เป็นจริงในปีนี้อย่างนั้นหรือ?
หากย้อนไปดูข้อมูล 10 ปีให้หลังในช่วงปี 2006-2015 ก็จะพบว่ามีอยู่ 2 ใน
12 เดือนเท่านั้นครับที่ผลตอบแทนตลาดหุ้นรายเดือนเป็นลบมากกว่าบวก
นั่นก็คือเดือนม.ค. และเดือนพ.ค. (เป็นลบ 6 ครั้ง เป็นบวก 4 ครั้ง) ซึ่งในกรณีของเดือนพ.ค.นั้น อาจจะไม่น่าสงสัยมาก แต่ที่น่าแปลกก็คือเดือนม.ค.
ที่เราจะได้ยินว่าคำว่า January Effect ว่าหุ้นมักจะขึ้นในเดือนม.ค. เพราะนักลงทุนจะกลับมาซื้อหุ้นในเดือนนี้หลังจากขายหุ้นทิ้งในเดือนธ.ค.เพื่อหลีกเลี่ยงภาษีจาก
capital gains (ในเมืองนอก) แต่ความจริงก็คือเรื่องหุ้นในเดือนม.ค.กลับลงมากกว่าเดือนอื่น
นักลงทุนบางท่านอาจจะแย้งว่า เอ๊ะ ก็ตลาดหุ้นไทยไม่ได้เก็บภาษี capital
gains เหมือนเมืองนอกนิ จริงครับ แต่ผมก็มักจะได้ยินการเหมารวมอยู่เสมอๆ
ในตลาดหุ้นบ้านเรา จนวลี January Effect กลายเป็นความเชื่อไปแล้วว่าหุ้นจะต้องขึ้นในเดือนม.ค.
ข้อสรุปของผมก็คือไม่ว่าจะเป็นวลี Sell in May and Go Away หรือ January
Effect มันก็อาจจะจริงหรือไม่จริงก็ได้ครับ ที่บางทีเรารู้สึกว่ามันน่าจะจริงมากกว่าก็เพราะเราอาจสนใจเฉพาะแต่สิ่งที่เราอยากสนใจมากเกินไป
(เป็น bias ชนิดหนึ่งที่เรียกว่า Focusing Effect) จนลืมไปว่าก็มีอีกหลายปีนะที่หุ้นไม่ได้ลงเดือนพ.ค.
หรือในกรณีเดือนม.ค.ที่หุ้นดันลงมากกว่าขึ้นด้วยซ้ำ
ส่วนในแง่ของภาพตลาดเองนั้น ผมคิดว่านี่เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่เราเห็นการปรับตัวการคาดการณ์
GDP ขึ้น หลังจาก GDP ไตรมาส 1 ออกมาดีกว่าคาดที่ +3.2%YoY โดยสภาพัฒน์ปรับคาดการณ์การเติบโตเศรษฐกิจในปีนี้ขึ้นเป็น
3-3.5% จาก
2.85-3.5% ในขณะที่ประมาณการกำไรบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นบ้านเราก็มีแนวโน้มดูดีขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบหลายๆ
ไตรมาสครับ ราคาหุ้นเป็นอย่างไรไว้ค่อยว่ากัน แต่ตอนนี้พื้นฐานโดยรวมเริ่มฟื้นแล้วครับ