Wednesday, July 25, 2012

หนึ่งหัตถ์เหนี่ยวสวรรค์ สี่ศาสตราพิชิตอนุพันธ์


สวัสดีครั,,,
เขียน
เมื่อ 25 กรกฎาคม 2555

ชื่อเรื่องวันนี้อาจจะดูแปลกตาคุณผู้อ่านซักเล็กน้อย... แต่รับรองว่าเนื้อหาอัดแน่น สนุก คร่อกฟี้ๆ (เจ้ยย..) เช่นเคยครับ อิอิ
ถ้าจำกันได้ ผมได้เกริ่นไว้ในสัปดาห์ที่แล้วว่าครั้งนี้จะมาเล่าถึง กลเม็ดเด็ดเคล็ดวิธีวิเคราะห์การลงทุนใน SET50 Index Futures” สัญญาต้องเป็นสัญญา~ สัญญาว่ามาต้องมา~
1. Fundamental Analysis หรือ การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน หมายถึง การวิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงของราคาโดยศึกษาปัจจัยที่มีผลกระทบต่ออุปสงค์และอุปทาน (demand and supply) เพื่อวิเคราะห์ถึงราคาสินค้าและคาดการณ์แนวโน้มในอนาคต... วิธีนึงที่ใช้กันแพร่หลายสำหรับการลงทุนในตลาดหุ้นเรียกกันว่า Top-Down Analysis ครับ... กล่าวคือ เป็นการวิเคราะห์จากภาพใหญ่ – สภาวะเศรษฐกิจทั่วโลก ระดับทวีป และต่อมาจนระดับถึงประเทศ ลงมาถึงภาพย่อย สภาพอุตสาหกรรม และต่อไปจนถึงระดับบริษัทหรือหุ้นรายตัวในที่สุด แต่สำหรับ SET50 Index Futures บอกได้เลยว่าง่ายกว่ามากครับ เพราะเรากำลังวิเคราะห์ถึงดัชนี SET50 Index ที่สะท้อนภาพรวมของตลาดหุ้น ดังนั้นเราสามารถตัดการวิเคราะห์ภาพย่อยออกไปได้ เหลือแต่วิเคราะห์ภาพใหญ่เท่านั้น...
เสริม:  ปีเตอร์ ลินซ์ ผู้จัดการกองทุนแมคแจลแลน (Fidelity Magellan) (ผู้ที่สร้างอัตราผลตอบแทนเฉลี่ย 29% ทบต้นต่อปีเป็นเวลา 13 ปีติดต่อกัน ซึ่งถือว่าสูงสุดในวงการกองทุนรวมของสหรัฐ) เคยกล่าวไว้ว่า... สำหรับผู้ที่ลงทุนในหุ้น... กำไรขาดทุนที่จะได้รับไม่ได้ขึ้นอยู่กับเศรษฐกิจโดยรวม แต่จะขึ้นอยู่กับปัจจัยเฉพาะของธุรกิจที่บริษัทดำเนินการอยู่ ดังนั้นไม่ต้องไปสนใจการขึ้นลงของตลาดหุ้น ให้มองที่เหตุผลในการซื้อขายเท่านั้น...

2.  Technical Analysis หรือ การวิเคราะห์ปัจจัยทางเทคนิค ผมเองชอบที่จะวิเคราะห์ SET50 Index Futures จากกราฟ Spot ซึ่งก็คือตัว SET50 Index มากกว่ากราฟ Futures ครับ... เนื่องจากความผันผวนของราคา หรือ Price pattern ที่ได้จะมีน้อยกว่า ทำให้สัญญาณที่ได้ไม่ขรุขระจนเกินไป (Futures มันวิ่งเร็ว แกว่งแรง กระชากโหด)... กราฟที่ใช้หลักๆ ก็รายวันนิแหละ ชัดเจนดี... อย่างไรก็ตามสำหรับวัยรุ่นที่ชอบความไว จะใช้กราฟ SET50 Index Futures เลยก็ได้... โดยอาจจะปรับค่าเส้น Moving Average หรือ Indicators ต่างๆ เพิ่มเติมเพื่อความเหมาะสม... ตรงนี้แล้วแต่ความถนัดครับ
3. Market Sentiment Analysis – เป็นการวิเคราะห์ถึงจิตวิทยาของคนในตลาด ว่าตอนนี้เค้ากำลังโลภ (Greed) หรือกลัว (Fear) กัน... ตรงนี้ จะมีนักลงทุนอยู่ 2 ประเภทครับ ได้แก่ ชาวสวน (Contrarian) และ ชาวไล่ (ไร่) (Follower) ผมขออนุญาตยกตัวอย่างแบบนี้ละกัน... เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาตลาดหุ้นบ้านเราเปิดลงเฉือนดวงใจถึง 21 จุด ถ้าเป็นชาวสวน ก็คง Long (ซื้อ) SET50 Index Futures แต่สำหรับชาวไล่ (ไร่) คงไม่แคล้วที่จะ Short (ขาย) ตาม... อย่างไรก็ดีผมคงไม่สามารถตอบท่านได้ว่าวิธีไหนถูกหรือผิด มันขึ้นกับจังหวะ โอกาส และระยะเวลาในการลงทุน ที่สำคัญ อยู่ที่ใจ!... เสริมนิดนึงสำหรับขาจรที่สงสัยว่า Sentiment คืออะไร... มันหมายถึง บรรยากาศในการลงทุนครับ ผมยกตัวอย่างให้เข้าใจง่ายๆ เช่น เวลามีข่าวการเมืองเสื้อสีแสดชุมนุม แล้วตลาดหุ้นลงพรวดๆ... ถามว่าในความเป็นจริง ทุกอุตสาหกรรมทุกธุรกิจได้รับผลกระทบหมดไหม ตอบได้เลยว่าไม่ เช่น ธุรกิจร้านสะดวกซื้อ ยังไง ยังไง เราก็ต้องซื้อของรับประทานกัน อาจจะลำบากหน่อย แต่เราก็ไปซื้อสาขาอื่นก็ได้นิ ถูกมั้ยครับ... นิแหละเค้าเรียกว่า Sentiment มันแย่... แต่ไม่ได้แปลว่า หุ้นเค้าไม่ดี (นะจ๊ะ อิอิ) 
4. Fair Value Pricing Analysis หรือการวิเคราะห์หาราคายุติธรรมในทางทฤษฎี Futures ก็เหมือนกับหุ้นนั่นละครับ มีราคาพื้นฐานที่นักวิเคราะห์ตั้งเป้าไว้ (แต่ไปถึงรึป่าวไม่ฮู้...) ซึ่งสูตรที่นิยมในการหามูลค่าที่เหมาะสมของ Futures มีชื่อหล่อ (โฮกๆ) ว่า Cost of Carry Model... รู้ไว้ใส่บ่าครับ แล้วก็อย่าไปยึดติดมาก เพราะในทางปฏิบัติ ราคามันมักจะไม่ค่อยเท่ากับราคาทางทฤษฎี (Theoretical value) อยู่แล้ว... เนื่องจากมันมีปัจจัยอื่นๆหลายอย่างมาประกอบ เช่น สภาพคล่องการซื้อขาย จิตวิทยา หรือ demand/supply… ไว้ว่างๆผมจะมาขยายความให้ฟังครับ
ถึงตอนนี้ผมบอกได้เลยครับว่า มือข้างหนึ่งของท่านได้คว้าศาสตรา (อาวุธ) ทั้งสี่ไว้เรียบร้อยแล้ว... เหลือแต่มืออีกข้างหนึ่งของท่านที่ต้องนำหลักการเหล่านี้ไปประยุกต์ใช้ให้เหมาะกับสไตส์การลงทุนของตัวเอง รวมทั้งศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม (สำคัญเลย!)... ผมเชื่อเหลือเกินครับว่า ด้วยหลักการเหล่านี้ จะทำให้ชาวแฟนเพจบัวหลวงทุกท่านไปถึงสรวงสวรรค์ได้ไม่ยาก... พิชิตอนุพันธ์ให้ได้... แล้วพบกันใหม่พุธหน้าครับ (:

No comments:

Post a Comment