เขียนเมื่อ 14 พฤศจิกายน 2555
ผมเคยนึกสงสัยสมัยเริ่มศึกษา Technical Analysis ใหม่ๆว่า..
เอ๊ะ เมื่อกราฟราคาของสินทรัพย์ทางการเงินที่เรากำลังเล็งอยู่ เช่น หุ้น ทองคำ
หรือตราสารอนุพันธ์ มีการเปิดช่องว่างหรือ gap ทิ้งไว้..
มันจำเป็นรึป่าวนะที่ราคาจะต้องกลับมาปิด gap นั้นๆ? จริงหรือไม่..
ใช่รึเปล่า.. วันนี้ผมจะมาขยายความให้ฟังกันครับ
ช่องว่างหรือ gap นั้นเกิดจาก การที่มี demand หรือ supply
ค่าใดค่าหนึ่งมากกว่าอีกค่าหนึ่งมากๆ..
ทำให้การเคลื่อนไหวของราคาในวันนั้นมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรง
หรือมีช่องว่างเกิดขึ้น.. ซึ่งปกติมักจะเกิดขึ้นในช่วงที่มีเหตุการณ์หรือข่าว surprise
เช่น
การประกาศงบที่ดีหรือแย่กว่าคาดมากๆของบริษัทจดทะเบียน,
ข่าวไฟไหม้โรงงานผลิต, โรงกลั่นน้ำมันระเบิด, หรือการประกาศมาตรการ QE ของอเมริกา เป็นต้น..
ซึ่งหากเราเป็นนักพื้นฐาน ก็ต้องกลับไปเช็คว่า.. ข่าวนั้นๆ มีผลกระทบต่อผลประกอบการบริษัทในระยะยาวหรือไม่?
หรือทำให้ปัจจัยพื้นฐานของบริษัทเปลี่ยนไปรึป่าว? ถ้าใช่ก็ควรจะขายหุ้นนั้นออกไปซะ
(ในกรณีที่เป็นข่าวลบ) หรือซื้อตาม (ในกรณีที่เป็นข่าวบวก) ถ้าไม่ใช่..
ก็ถือว่าเป็นจังหวะในการซื้อของถูกเพิ่ม (ในกรณีที่เป็นข่าวลบ) หรือจังหวะขายของได้ราคาดี
(ในกรณีที่เป็นข่าวบวก).. แต่หากถ้าท่านเป็นนักเทคนิค..
ก็ต้องมาวิเคราะห์กันครับว่า gap ที่เกิดนั้นเป็นแบบใด? มีโอกาสจะมาปิด gap
หรือไม่?
และแนวโน้มหลังจากนั้นจะเป็นอย่างไร?
จากรูปด้านบน เพื่อนๆลองเบิ่งดูจะเห็นครับว่า.. gap ถูกแบ่งออกเป็น
4 ประเภทตามรูปแบบการเคลื่อนตัวของแท่งเทียน ได้แก่
- Common Gap: gap ประเภทนี้ผมมักจะไม่ค่อยสนใจเท่าใดนัก.. เพราะมักจะเกิดในช่วงที่ตลาด Sideways และมีปริมาณการซื้อขายไม่เยอะ.. ช่องว่างที่เกิดขึ้นจึงไม่ค่อยมีนัยสำคัญ.. ผมเรียก gap ประเภทนี้ว่า gap แบบเบาๆ เกิดได้บ่อยๆ
- Breakaway Gap: gap ประเภทนี้จี๊ดครับ.. เพราะมักจะเกิดหลังจากการฟอร์มตัวของราคา (สะสมพลัง) อยู่พักใหญ่.. เมื่อสุกได้ที่ ก็จะกระโดดจู๊ด (ขึ้นหรือลงว่าไป).. ที่สำคัญคือต้องมี Volume support ด้วยนะ (แม้ RSI หรือ STO อาจจะส่งสัญญาณตามไม่ทัน) ซึ่งนั่นก็เป็นสัญญาณที่บอกถึงแนวโน้มหลังจากนั้นครับ.. เช่นจากรูป ถ้ามีการเปิด gap ไว้แล้วราคาวิ่งขึ้นต่อ แสดงว่าสินทรัพย์นั้นอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น.. โดย gap ประเภทนี้ การเคลื่อนไหวของราคาจะไม่สามารถปิด gap ได้ครับ.. แต่หากถูกปิดลง นั่นหมายถึงสัญญาณนั้นเป็นสัญญาณหลอกนั่นเอง
- Runaway Gap: gap ประเภทนี้มักเกิดหลัง Breakaway Gap ครับ.. ซึ่งจะเกิดขึ้นในช่วงบริเวณกึ่งกลางของการเคลื่อนไหว.. พูดง่ายๆ คือ เป็น gap ลูกต่อ.. ดังนั้นเราจึงสามารถคาดการณ์ราคาจากนี้ไปได้ไม่ยาก เช่น ถ้าราคาหุ้นอยู่ที่ 10 บาท (หลัง Breakaway gap) และเกิด Runaway Gap ที่แถว 15 บาท.. หุ้นนั่นก็น่าจะขึ้นไปได้ถึงที่บริเวณ 20 บาท (บวกไปอีก 5 บาท).. และนี่ก็เป็นที่มาของอีกฉายาของ Runaway Gap ที่ถูกเรียกว่า Measuring Gap ครับ อ่อ! อีกอย่าง.. gap นี้จะไม่ถูกปิดลง หากสัญญาณที่เกิดเป็นสัญญาณจริงนะ
- Exhaustion Gap: gap นี้จะเกิดในช่วงปลายๆของการเคลื่อนไหวแล้วครับ.. โดยเป็นสัญญาณเตือนว่าแนวโน้มนั้นใกล้มาถึงจุดสิ้นสุดแล้ว เช่น ถ้าเกิดในช่วงปลายขาขึ้น ก็เป็นการเตือนว่าราคาอาจจะเริ่มปรับลงแล้วนะ.. หรือถ้าเกิดในปลายขาลง ก็หมายถึงราคาอาจจะเริ่มปรับขึ้นแล้ว.. ซึ่ง gap ประเภทนี้จะถูกปิดหรือไม่ก็ได้ครับผม
No comments:
Post a Comment