สวัสดีครับ,
เขียนเมื่อ 22 พฤษภาคม 2556
ช่วงนี้ตลาดบ้านเราถูกกระทุ้งด้วยปัจจัยเยอะแยะมากมาย ไหนจะเรื่องที่ -- INTUCH ที่ถูกประกาศว่าจะเอาเข้าดัชนี MSCI
Thailand ไปเมื่อวันก่อน แต่แล้วก็ต้องอกหักเพราะปริมาณ
Free Float ในตลาดน้อยกว่า 1.8 เท่าของ Market Cap ซึ่งเป็นเกณฑ์ขั้นต่ำของดัชนี
MSCI Global Standard จึงได้มีการประกาศใหม่เช้านี้ว่าไม่เอาแล้ว กระต๊าก! ไงละครับ หุ้น
INTUCH ก็ลงตาม sentiment ไปตามระเบียบ แต่ก็อย่าเพิ่งน้อยใจไป เพราะป๋า ADVANC
ก็ยังอยู่ใน
MSCI ไม่ได้ไปไหนอะนะ ระยะยาวก็ว่ากันไปตามพื้นฐานอะแหละ -- BEC ที่เจ้าของใจดีขายหุ้นชุดใหญ่ออกมาเมื่อคืนราว 4% ที่ราคา 66 บาท ทำให้หลงจ้งตระกูลมาลีนนท์ถือหุ้นเหลือเพียง 47%
เท่านั้น..
จำได้มั้ยครับ
เมื่อ 3 ปีก่อนตระกูลนี้ก็ขายออกมา 5% ที่ราคา 35 บาท (แสดงว่าในรอบ 3 ปี ตระกูลมาลีนนท์ลดจำนวนถือครองหุ้นลงถึง 9%) ตรงนี้ตีความได้สองแง่ครับว่า เจ้าของก็ขายหมูเป็นนะ หรือ ธุรกิจดิจิตอลทีวีมันเริ่มมีการแข่งขันสูงมากขึ้นทุกทีขอโกยขายทำกำไรก่อนบ้างดีกว่า
โฮะๆ
นอกจากนี้ตัวเลขเศรษฐกิจไตรมาสหนึ่งที่เพิ่งประกาศออกมาเมื่อวาน (โต 5.3% vs คาด 6.0%) แม้ผิดหวังไปบ้าง แต่ตลาดหุ้นก็หาได้ลงไม่ เพราะนักลงทุนได้คาดหวังต่อไปว่าแบงค์ชาติจะลดดอกเบี้ยลงอย่างน้อยก็ 0.25% ในวันที่ 29 พค.นี้ ทำให้เป็นผลดีต่อสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น ฮึ่ม!
ก็เป็นไปได้นะ..
อีกทั้งคุณกิตติรัตน์ก็เพิ่งยืนยันว่า
สัปดาห์นี้คงได้เห็นมาตรการอย่างใดอย่างหนึ่งในการดูแลค่าเงินบาทแน่ๆ
แต่ขออุบไว้ก่อน อุ๊บส์ -- ใจเย็นๆละครับพี่น้องครับ
เพราะผมว่าไม่ว่าเหรียญจะออกหน้าไหน
มาตรการนั้นน่าจะมีผลกระทบโดยตรงที่ตลาดตราสารหนี้มากกว่าตลาดหุ้นของพวกเรา
แต่ในเชิงจิตวิทยา แน่นอนคงหลีกเลี่ยงไม่ได้ ถ้าใครใจไม่เปรี้ยวพอแถวนี้ก็ทยอยลดพอร์ตก่อนก็ได้นะครับ
เน้นเลือกหุ้นเป็นตัวๆ หรือจะ short futures เพื่อ hedge
พอร์ต (ย้ำเพื่อ hedge) แล้วไปว่ากันใหม่อีกทีหลังทุกอย่างคลี่คลายแล้วก็ได้นะครับนะ